กกต.ขอบคุณผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า มากถึงร้อยละ 91.38 สัญญารักษาทุกคะแนนเสียงที่ลงคะแนนไว้ ด้าน "ไปรษณีย์" ยืนยันดูแลบัตรเลือกตั้งรัดกุม มีตำรวจเฝ้า กล้องวงจรปิด 24 ชั่วโมง ทุกคนเข้าออกต้องมีการลงทะเบียนยืนยันตัวตน
นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. พาสื่อมวลชนมาดูเรื่องของการรักษาความปลอดภัยและระบบการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ขณะนี้ส่งมาถึงไปรษณีย์กลาง หลักสี่แล้ว โดยเป็นการสังเกตการณ์ผ่านกล้องวงจรปิด
พร้อมแจ้งว่า มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าประมาณร้อยละ 91.83% จากผู้ลงทะเบียน 2,235,830 มาใช้ 2,104,903 คน คิดเป็น 90.98% ส่งการเลือกตั้ง ในเขตลงทะเบียน 67,086 คน มาใช้สิทธิ 57,362 คน คิดเป็นร้อยละ 94.37% สำหรับหน่วยเลือกตั้งผู้พิการผู้สูงอายุมีผู้ลงทะเบียน 2356 คน มาใช้สิทธิ 2,124 คน คิดเป็นร้อยละ 90.15%
พร้อมกล่าวขอบคุณผู้ออกมาใช้สิทธิ์ด้วยแรงศรัทธาประชาธิปไตย แม้อากาศร้อน การจราจรติด โดยสำนักงาน กกต. ให้คำมั่นสัญญารักษาทุกคะแนนเสียงที่ลงคะแนนไว้
ขณะเดียวกัน เลขาธิการ กกต. ยังกล่าวขอบคุณประชาชน ร่วมตรวจสอบทำงาน ยอมรับเป็นเรื่องจริงบ้างเท็จบ้าง จึงสั่ง ผอ.กกต. รายงานทุกเหตุการณ์ที่ปรากฏตามข่าวว่ามีเรื่องหรือไม่ และมีวิธีการแก้ไขยังไง ให้รายงานส่วนกลางทราบทุกกรณี โดยการทำงานอยู่ในสายตาประชาชน ย้ำวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะไม่ให้เกิดความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เกิดอีก ซึ่งการเลือกตั้งบริหารจัดการง่ายกว่านี้ เพราะไม่ต้องมีซองที่ต้องส่ง ปัญหาที่เกิดนั้นประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องหีบเลือกตั้งแต่เป็นการจ่าหน้าซอง ที่ จะทำให้บัตรเลือกตั้งถึงเขตเลือกตั้ง
"เพื่อสร้างความมั่นใจจึงเชิญสื่อมาดูการทำงานดูกระบวนการ ทำงานของไปรษณีย์ และ กกต. ในการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า และส่งกลับไปยังแต่ละเขตเลือกตั้งได้อย่างไร"
ด้านนายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด แจงกระบวนการส่งบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้ง 400 เขตว่าขณะนี้บัตรเลือกตั้งนอกราชมาถึงแล้วร้อยละ 67% หรือจาก 45 ประเทศกำลังเข้าสู่กระบวนการคัดแยก
ส่วนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าบัตรในประเทศ ตอนนี้บัตรส่งมายังศูนย์คัดแยกพร้อมแล้ว และจะคัดให้แยกแล้วเสร็จก่อนส่งกลับ 400 เขตเลือกตั้ง ก่อน 12 พฤษภาคม โดยการคัดแยกมี คณะกรรมการดูแล ประกอบด้วย กกต. และผู้แทนไปรษณีย์ เพื่อคัดแยกนำจ่ายไปให้ถูกต้อง และยังมีมอนิเตอร์จากกล้องวงจรปิดดูกระบวนการทำงานตลอดเวลา
ซึ่งในศูนย์มีมาตรการ รปภ.เคร่งครัดรัดกุม ทุกคนเข้าออกต้องมีการลงทะเบียนยืนยันตัวตนก่อนพื้นที่เท่านั้น การเข้าต้องฝ่ายหน่วยงานอนุมัติ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังห้ามเจ้าหน้าที่ เข้าพื้นที่ศูนย์คัดแยก นำอุปกรณ์หรือมือถือเข้าพื้นที่คัดแยก จะมีการตรวจค้นก่อนเข้าและออกพื้นที่โดยมี CCTV มากกว่า 25 ตัวตลอด 24 ชั่วโมง มีแดชบอร์ดติตตามรายงานสถานการณ์ขนส่ง การส่งมอบบัตร อีกทั้งรถมี GPS และมีตำรวจนำทุกเส้นทาง มีตำรวจเฝ้าพื้นที่การคัดแยกตลอด 24 ชั่วโมง