ขุดดินบนเขา หลังวัดป่าคีรีธรรม จ.นครราชสีมา พบทองคำแท่ง 19 ล้นบาท เงินสดอีก 80 ล้านบาท รวมทรัพย์สินที่ตำรวจตรวจยึดแล้วกว่า 200 ล้านบาท ชาวบ้านแฉพฤติกรรมพระจัดเวรยาม ถือกระเป๋าและถุงนำเงินทองมาฝังซุกซ่อน
วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 จากกรณีตำรวจกองปราบ ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นกุฏิของพระอาจารย์คง ภายในวัดป่าธรรมคีรี บ้านซับน้ำเย็น ตำบลปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ที่มีการยักยอกเงินไปก่อนหน้านี้รวมแล้ว 180 ล้านบาท จากการตรวจสอบล่าสุด พบของกลางเงินสดจำนวนมากบรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทางจำนวน 3 ใบ และเงินสดอยู่ในตู้เซฟ พร้อมด้วยทองแท่งน้ำหนักหลายร้อยบาทอยู่ภายในกุฏิ
ล่าสุด ยังมีการเปิดเผยภาพการขุดดินบนเขาหลังวัดป่าธรรมคีรี โดยพบทั้งเงินสดและทองคำจำนวนมาก โดยพลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า จากการขยายผลการตรวจค้นวัด เมื่อวานนี้ พบทองคำแท่งจำนวนรวมมูลค่า 19 ล้านบาท พร้อมเงินสด 80 ล้านบาท ถูกฝังดินภูเขาหลังวัด ส่วนวันก่อนที่พบเงินสดในบ้านน้องสาว 51 ล้านบาท เงินในบัญชี 70 ล้านบาท รวมทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ วันนี้มีการตรวจค้นวัดและเปิดตู้เซฟบางส่วนเพื่อหาทรัพย์สินอย่างละเอียด รวมถึงหลักฐานในการประกอบสำนวนคดีเอาผิดอดีตพระคมกับพวก ซึ่งเจ้าตัวก็ให้การรับสารภาพสอดคล้องกับข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ โดยวัดดังกล่าวมีบัญชีทั้งหมด 6 เล่ม ซึ่งหากอดีตพระคมบริสุทธิ์ใจจริง ควรนำทรัพย์สินเข้าบัญชีวัดทั้ง 6 เล่มนี้ ส่วนการเสพเมถุนของอดีตพระคม พบข้อมูลว่ามีการเสพเมถุนมาตั้งแต่สมัยเรียนเปรียญธรรมมานาน กับทั้งพระและฆราวาส ซึ่งการเป็น LGBTQ ถือว่าไม่ได้ผิด แต่ในเมื่อครองสมณสงฆ์ก็ไม่สมควร
ด้านนายห้อย (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ ได้นำรูปกุฎิหลังบนของวัดป่าธรรมคีรีที่ถ่ายมาให้กับทีมข่าวดู พร้อมกับเปิดเผยว่า ตัวเองมีพื้นที่อยู่ติดกับวัด ที่ผ่านมาเวลาเข้าไปสวนของตัวเอง จะเห็นว่ามีกุฏิประมาณ 10 กว่าหลังตั้งอยู่ แล้วก็จะเห็นพระสงฆ์คอยเดินลาดตระเวน โดยช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นมีการจัดเวรพระขึ้นเขาทุกวัน เวลาประมาณ 19.00 - 20.00 น. โดยมีพระขึ้นเขา 2-3 รูป ถือกระเป๋าและถุง คาดว่าภายในเป็นเงินสดและทองคำที่ลักลอบนำมาฝัง และมีพระเดินลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา โดยจุดฝังซ่อนทองอยู่ห่างจากวัดประมาณ 500 เมตร
ขณะที่วันนี้ตำรวจได้คุมตัวนายคม ไปฝากขังต่อศาล ซึ่งศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวสอบถามไปยังมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน ที่ จ.อุดรธานี กรณีที่นายคมขณะเป็นพระอ้างว่าเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัว และเรียนเรื่องสมาธิจากคุณยายจันทร์ดี น้องสาวของหลวงตามหาบัว โดยคุณกรณ์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงตามหาบัว บอกว่า ตนเองตามหลวงตามหาบัวมา 20 ปี พระคมไม่เคยจำพรรษาที่นี่ เคยเห็นอาจารย์คมตอนเป็นฆราวาสมากับแม่จันทร์ดี 1 ครั้ง ตอนนั้นก็เลื่อมใส แต่ครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้รับรองว่าเป็นศิษย์ ส่วนเรื่องการยักยอกเงินวัดเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่ได้เกี่ยวกับวัดหลวงตามหาบัวแต่อย่างใด
ส่วนที่วัดพระธาตุเขาน้อย จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นวัดที่พระคมเคยไปบวชเรียนเมื่อปี 2548 สอบถามนายสมศักดิ์ เอี่ยวเรลาเต่า อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า พระคมเคยอยู่ที่วัด 2-3 ปี โดยเป็นพระที่มีลีลาในการเทศน์เก่งมาก จนชาวบ้านพากันเลื่อมใสศรัทธาเข้ามาทำบุญที่วัดจำนวนมาก จนกลายเป็นพระที่โดดเด่นกว่าเจ้าอาวาส
ผู้ใหญ่บ้านยังบอกว่า พระคมมีพฤติกรรมลักษณะอุตริวิชา คือมีอยู่ครั้งหนึ่งในพิธียกช่อฟ้าที่วัด พระคมบอกกับญาติโยมว่ามีพระธาตุตกออกมาจากฝ่ามือของพระคมด้วย นอกจากนั้นพระคมยังมีพฤติกรรมรับบริจาคจากญาติโยมโดยให้โอนเงินเป็นชื่อบัญชีตัวเอง ไม่ให้เข้าบัญชีวัด ซึ่งหลังจากนั้นทางคณะกรรมการวัดก็ได้ฟ้องร้องทางพระคมเรื่องการโกงเงินวัด จนทำให้พระคมย้ายออกไปอยู่ที่วัดอื่นและไม่เคยกลับมาที่วัดนี้อีก
ส่วนพฤติกรรมในลักษณะเสพเมถุน ยังไม่เคยเห็น น่าจะเป็นเพราะว่าพระคมอยู่ที่วัดไม่นานนัก เมื่อเห็นเป็นข่าวดังก็ไม่แปลกใจเพราะเคยเห็นตอนพระคมมีพฤติกรรมไม่ค่อยโปร่งใสเรื่องเงินมาก่อน