ตำรวจเข้าตรวจสอบกลุ่มคนต้องสงสัยอาจทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ จ.ราชบุรี กลางดึก กลับถูกรุมทำร้าย 5 ต่อ 1 และปืนประจำกายของหลวงหายไป เจอ "เอ๋ ปารีณา" ปรากฏตัวอ้างว่ามาร่วมงานวันเกิด ตำหนิเจ้าหน้าที่คุกคาม บุกรุกยามวิกาล
เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 8 พ.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษ (นปพ.) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นชุดปฏิบัติการพิเศษ ปราบปรามทุจริตการเลือกตั้งจากทาง จ.ราชบุรี จำนวน 4 นาย ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มบุคคลรวมตัวกันที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่ 8 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งอาจจะมีการกระทำความผิด จึงได้ไปตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ก็พบว่ามีการรวมตัวกันจริง จึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอเข้าตรวจสอบ ทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวต่างก็พากันวิ่งหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ติดตาม เนื่องจากกลุ่มบุคคลเหล่านั้นมีพิรุธ และเมื่อวิ่งตามไปถึงหน้าบ้านข้างเคียงดังกล่าว ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4-5 คน เข้ามาล็อคตัว ส.ต.อ.จารุพัฒน์ ขำแก้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ. ที่เข้าไปตรวจสอบ และพยายามที่จะพาเข้าไปบ้านอีกหลังหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่ นปพ. อีก 3 นาย ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นปล่อยตัว
ภายหลังจากการตรวจสอบพบว่า ส.ต.อ.จารุพัฒน์ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณคอ กับหัวเข่า และพบว่าอาวุธปืนประจำกายซึ่งเป็นปืนหลวงนั้นได้หายไป จึงได้ขอกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาดิน อ.โพธาราม โดยมี พ.ต.ท.สมบัติ ครุฑธา รองผกก.สอบสวน ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและได้เข้าเจรจากับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกรุกในยามวิกาล และได้พบกับนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส. ราชบุรี อยู่ในพื้นที่นั้นด้วย ซึ่งอ้างว่ามาร่วมงานวันเกิด โดยมีการโต้เถียงกัน
นางสาวปารีณา อ้างว่า เจ้าหน้าที่บุกรุกในยามวิกาลโดยไม่มีหมายค้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามอธิบายให้ฟังว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการเลือกตั้ง และทางเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ได้มีการลงบันทึกประจำไว้ก่อนที่จะไปตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เนื่องจากการพูดคุยนั้นอยู่ในที่มืดและมีกลุ่มบุคคลจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ด้วย พ.ต.ท.สมบัติ ครุฑธา รองผกก.สอบสวน จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดได้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีความไม่ปลอดภัย และให้ทางเจ้าของบ้านที่นางสาวปารีณานั้นอ้างว่า เจ้าหน้าที่เข้าไปบุกรุกนั้นไปแจ้งความ ที่สภ.เขาดิน รวมทั้งจะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นายที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับให้แจ้งความในข้อหาทำร้ายร่างกายและข้อหาชิงทรัพย์ (อาวุธปืน) ที่หายไปด้วย และจะได้เรียกกลุ่มบุคคลทั้งหมดที่อยู่ในคลิปวีดีโอที่มีชาวบ้านถ่ายไว้ไปสอบปากคำทั้งหมด
ภายหลังตำรวจได้รับปืนที่หายไปกลับคืน โดยคุณปารีณา บอกว่า ตกอยู่ห่างจากที่เกดเหตุ 15 เมตร
ขณะที่ พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี เรียกตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเขาดิน ไปสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และยืนยันว่าตำรวจทำตามหน้าที่ พร้อมเปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าว ทำไมจอดรถกันเต็มแล้วปิดไฟมืดสนิท หลังจากนั้นเมื่อตำรวจมา ปรากฏว่า มีชาวบ้านออกมากอดรัดฟัดเหวี่ยง จนทำให้ปืนหาย และคุณปารีณาก็มาปรากฏตัวในลักษณะตำหนิการทำงานของตำรวจ
ขอยืนยันว่า หลังจากนั้นตำรวจต้องรีบถอนกำลัง เพราะตอนนั้นตี 1 อาจจะไม่ปลอดภัย สุดท้ายมาเจอปืนตกห่างจากที่เกิดเหตุ 15 เมตร เรื่องนี้เป็นช่วงที่มีการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงต้องระวังการกระทำผิดที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
ส่วนอาวุธปีนที่พบ หลังจากนี้จะมีการตรวจดีเอ็นเอว่าเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่ เพราะทางตำรวจบอกว่าถูกชิงปืน ขณะเดียวกัน ด้านคุณปารีณาบอกว่ามางานวันเกิด ตำรวจก็อยากถามว่า งานวันเกิดทำไมปิดไฟเงียบ มีพฤติกรรมบางอย่างส่อให้เห็น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้มีแค่ตำรวจที่เข้าไป แต่มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้ามาด้วย
โดยเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาพยานหลักฐาน และเรียกชาย 1 คน มาสอบสวน
สำหรับพื้นที่เขต 3 จังหวัดราชบุรี เป็นพื้นที่แข่งขันสูง เดิมเป็นฐานเสียงของ น.ส.ปารีณา แต่ครั้งนี้ถูกตัดสิทธิการเลือกตั้ง โดยส่งพี่ชาย คือนายสีหเดช ไกรคุปต์ ลงสมัครแทน ในนามของพรรคภูมิใจไทย คู่แข่งคนสำคัญคือนายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์ หลานชายนายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ อดีต ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ แต่ที่ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ