"เศรษฐา" มั่นใจปราศรัยใหญ่ดึงกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจได้ เย้ยพลังเงียบไม่ได้เลือกแค่ รทสช. ขอประชาชนเทคะแนนฝ่ายประชาธิปไตย หลังเหนื่อยมาเยอะแล้ว มองพรรคเสนอแคนดิเดตนายกฯ 3 คนเป็นกลยุทธ์ ห่วงพรรคที่เสนอคนเดียว หากเกิดกรณีตกม้าตาย
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมปราศรัย “เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เชียงใหม่เปลี่ยนทันที” เมื่อวานนี้ (10 พ.ค. 66) โดยกล่าวว่า จากการลงพื้นที่มั่นใจว่าชาวเชียงใหม่จะเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทย จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดหนึ่งที่สำคัญที่สุดกับพรรคเพื่อไทย ถือเป็นบ้านเกิด ซึ่งมีผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 10 เขต ก็มีความคาดหวังที่จะได้ยกจังหวัด
ส่วนหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายกลับมาวังวนเดิม จนอาจวุ่นวายเกิดขึ้นอีกนั้น นายเศรษฐามั่นใจว่าประชาชนเหนื่อยมาเยอะแล้วในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญ เชื่อมั่นว่าประชาชนจะให้ฉันทามติกับพรรคการเมืองที่ชื่นชอบ ส่วนเรื่องความวุ่นวาย ไม่แน่นอน หรือไม่เป็นธรรม ส่วนตัวมองว่าเราต้องมั่นใจในระบบประชาธิปไตยและการทำงานขององค์กรอิสระ ความระแวงหวาดกลัวก็ต้องมีบ้าง ทุกคนมีความกังวล แต่ทุกคนมีหน้าที่ต่างกัน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว เรามั่นใจว่าระบบที่เราอยู่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวยังสอบถามถึงเนื้อหาการปราศรัยวานนี้ ที่นายเศรษฐาเล่าว่าตัวเองและครอบครัวถูกคุกคามจากการรัฐประหารปี 2557 โดยนายเศรษฐาระบุว่าจริงแล้วๆส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร แต่ถูกเชิญตัวไป และมีการลิดรอนสิทธิของคนไทย ส่วนตัวเข้าใจ แต่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร เพราะเรื่องของการข่มขู่ก็ชัดเจน มีอีกหลายเรื่อง แต่ไม่อยากดราม่าตรงนี้ พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญ ฝ่ายประชาธิปไตยต้องชนะ ประชาชนต้องเทคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ
ส่วนที่กล่าวบนเวทีว่า การเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คนของพรรคเพื่อไทย สะท้อนมุมมองของการป้องกันการใช้แทคติกทางการเมือง ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าเป็นความหวาดระแวง เพราะโดนมาแล้วหลายหน แต่ถือเป็นกลยุทธ์ของพรรคต้องมีความระมัดระวังในการเดินไปข้างหน้า ยืนยันทั้ง 3 คนพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าใครได้รับเลือก อีก 2 คนก็ยืนอยู่เคียงข้าง
ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกร้องให้ตรวจสอบกรณีถือหุ้นสื่อ ถือเป็นการเตะตัดขากันใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า ตนยังไม่ได้ดูข้อเท็จจริง แต่เป็นกำลังใจให้ หวังว่าทุกฝ่ายจะได้รับความเป็นธรรม ซึ่งส่วนตัวห่วงพรรคการเมืองเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียว
ส่วน เวทีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายพรุ่งนี้ (12 พ.ค. 66) ที่กรุงเทพมหานคร จะมีทีเด็ดอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า รอดู คอยฟังดู เป็นธรรมดาของการปราศรัยครั้งสุดท้าย ที่หวังโน้มน้าวคนที่ยังไม่ตัดสินใจ ซึ่งพรรคเพื่อไทยยังมั่นใจว่าเพื่อไทยเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด เป็นสถาบันการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชนและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีทีมงานพร้อม มั่นใจว่าการปราศรัยจะได้รับการติดตามจากประชาชน
ส่วนกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ หวังได้รับคะแนนเสียงจากพลังเงียบ นายเศรษฐา กล่าวว่าไม่ได้บอกว่า พลังเงียบจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติเสมอไป แต่เหตุผลที่พลังเงียบ คือยังไม่ตัดสินใจ จึงเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองและพรรคเพื่อไทย จะดึงคะแนนเสียงออกมาให้ได้ โดยเฉพาะความชัดเจน และประสบการณ์
“เราอย่าอยู่กับความฝัน เพราะความฝันไม่ต้องเสียตังค์ เราอยู่กับความเป็นจริงดีกว่า ดูจากประวัติศาสตร์ว่า พรรคเพื่อไทยในอดีตเคยทำนโยบายยาก ๆ แต่โดนใจ เปลี่ยนโครงสร้าง สาธารณสุข การบริหารส่วนจังหวัด ทำให้เราได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน ผมเน้นนะครับ ความฝันไม่ต้องจ่ายตังค์ แต่อยู่กับความเป็นจริงดีกว่า พรรคเพื่อไทยอยู่กับความเป็นจริง เรามั่นใจว่า นโยบายของเราขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขจัดความยากจนได้” นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้าย