ทำความรู้จัก โรคหลอดเลือดสมอง (STROKE) หากมีอาการต้องทำอย่างไร?

โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ถือว่าเป็นหนึ่งในโรคสำคัญที่พบได้บ่อยในสังคมเรา และกลายเป็นปัญหาหนักต่อตัวผู้ป่วยเอง ต่อครอบครัวของผู้ป่วย รวมทั้งต่อสังคมโดยทั่วไปด้วย โรคนี้จะทำให้เกิดอาการอัมพาตเฉียบพลัน ผู้ป่วยอาจสูญเสียความสามารถในการพูดและ/หรือการมองเห็น

ภาวะสมองขาดเลือดคืออะไร?
ภาวะสมองขาดเลือดมีสาเหตุจากการที่ร่างกายไม่สามารถลำเลียงเลือดไปเลี้ยงสมองได้ เนื่องจากเกิดการอุดตันของเส้นเลือด ส่งผลให้ออกซิเจนและสารอาหารอื่นไม่สามารถขึ้นไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอ หลังจากนั้นเซลล์สมองก็จะตายในเวลาเพียงสั้นๆ

นอกจากนี้ ภาวะสมองขาดเลือดอาจเกิดขึ้นจากการมีเลือดออกในสมองเนื่องจากภาวะหลอดเลือดแตก ซึ่งอัตราการเกิดขึ้นของกรณีนี้มีประมาณ 12% ของภาวะสมองขาดเลือดทั้งหมด

ความรุนแรงของภาวะสมองขาดเลือดจะมากหรือน้อยเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้อเยื่อสมองที่ถูกทำลาย โดยธรรมชาติแล้วสมองด้านซ้ายจะควบคุมการทำงานของอวัยวะซีกขวาและการพูด โดยสมองด้านขวาควบคุมการทำงานของร่างกายซีกซ้าย


อาการของภาวะสมองขาดเลือด?
ภาวะสมองขาดเลือดอาจไม่ได้ทำลายเซลล์เนื้อเยื่อทุกเซลล์ทันทีหลังเกิดการอุดตันที่เส้นเลือดในสมอง ดังนั้นถ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็จะสามารถรักษาเซลล์ต่างๆ ให้ทำหน้าที่เหมือนเดิมได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากสามารถรักษาและป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่เป็นตัวกระตุ้นปัญหาเรื่องการไหลเวียนของเลือดเสียแต่เนิ่นๆ ภาวะสมองขาดเลือดก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้


สัญญาณเตือนของภาวะสมองขาดเลือด?
- มีความผิดปกติทางการมองเห็นที่ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง โดยมีอาการตั้งแต่การมองเห็นภาพไม่ชัดจนถึงภาวะตาบอดช่วงสั้นๆ
- อาการอ่อนแรงของนิ้วมือ มือ หรือทั้งแขนและขา หรือที่ร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง หากเป็นขั้นรุนแรงก็อาจมีอาการอัมพาตครึ่งซีก
- มีความบกพร่องทางการพูดช่วงคราว หรือระบบการทำความเข้าใจผิดปกติ
- เกิดอาการต่อไปนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ได้แก่ รู้สึกเวียนศีรษะ มองไม่ชัด คลื่นไส้อาเจียน ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง และ มองเห็นภาพซ้อน
- อาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสียหายชั่วคราวที่เกิดขึ้นกับการไหลเวียนของเลือดไปสู่สมอง
- เกิดอารมณ์สับสนเป็นเวลานานโดยไม่มีอาการหมดสติ

สาเหตุของภาวะสมองขาดเลือด?
สาเหตุสำคัญและพบได้บ่อยของการเกิดภาวะสมองขาดเลือด ก็คือการตีบหรือแตกของเส้นเลือดในสมองหรือหลอดเลือดหลักที่ลำคอซึ่งจะนำเลือดจากหัวใจไปเลี้ยงที่สมอง ภาวะดังกล่าวมักเป็นผลจากภาวะผนังหลอดเลือดแดงหนาและมีความยืดหยุ่นน้อยลง การเป็นเรื้อรังและรุนแรงมากขึ้นของโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงที่ออกจากหัวใจ ซึ่งนำไปสู่การทำลายผนังหลอดเลือด ผลที่ตามมาคือช่องว่างในหลอดเลือดจะลดน้อยลงมาก

ปัจจัยเสี่ยง?
- ความดันเลือดสูง
- ระดับไขมันในเลือดสูง
- เบาหวาน
- การสูบบุหรี่
- ความอ้วน
- โรคเก๊าท์
- ยาเม็ดคุมกำเนิด

หากมีอาการต้องทำอะไรบ้าง?
- ถ้ามีสัญญาเตือนเกิดขึ้น ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที การตรวจและการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยป้องกันการทำลายสมองในขอบเขตที่กว้างขึ้นได้
- หากมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบเฉียบพลัน ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตาม กรุณาติดต่อขอรับความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน ผู้ป่วยอาจต้องได้รับการรักษาด้วยยาละลายลิ่มเลือด (thrombolytic drugs) หรืออาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีใช้สายสวนไปเอาก้อนเลือดที่อุดกั้นออกภายในเวลา 2-3 ชั่วโมงหลังการเกิดภาวะสมองขาดเลือด

ภาวะสมองขาดเลือดรักษาได้อย่างไร?
เมื่อมีอาการทางสมองเกิดขึ้น วิธีการรักษาต่างๆ จะต้องนำมาใช้อย่างทันที ผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือเฉพาะทาง ขอให้ตระหนักไว้ว่าภาวะสมองขาดเลือดถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉิน แม้ว่าอาการอาจดูไม่รุนแรงก็ตาม

สำหรับภาวะสมองขาดเลือดแบบสมบูรณ์นั้น การตรวจรักษาอาจต้องใช้ยา thrombolytic ซึ่งช่วยสลายลิ่มเลือดให้กระจายออก เพื่อลดการทำลายเนื้อเยื่อให้น้อยลง และในบางครั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจตรวจดูส่วนของสมองที่ไม่ได้รับผลกระทบ เพื่อสันนิษฐานการจัดการหน้าที่ของสมองที่ถูกทำลายไป


การหลีกเลี่ยงภาวะสมองขาดเลือดก็คือการป้องกันไม่ให้มีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น สามารถทำได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ให้น้อยที่สุด ปัจจุบันนี้ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคนี้ส่วนใหญ่แล้วสามารถรักษาให้หายได้ และการดูแลรักษาอย่างเป็นระบบจะมีผลอย่างมากต่อการลดโอกาสเกิดภาวะสมองขาดเลือด ท่านควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เสมอ ความรวดเร็วในการตรวจพบและการรักษาถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ป่วยภาวะสมองขาดเลือด

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์