"ศรีสุวรรณ" โร่แจ้งความมือตบปากแตก โอดกินน้ำพริกไม่ได้หลายวัน ไม่หวั่นเดินหน้าร้องเรียนต่อ จ่อเรียกค่าเสียหายมือตบ 1 ล้าน
11 พ.ค. เวลา 13.20 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เดินทางมาแจ้งความ และลงบันทึกประจำวัน ที่สน.ทุ่งสองห้อง หลังถูกนายทศพล ธนานนท์โสภณคุณ อาจารย์เกษียณราชการ วัย 67 ปีทำร้ายร่างกายโดยการตบจนริมฝีปากแตก ขณะเจ้าตัวมายื่นหนังสือร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย
นายศรีสุวรรณ เผยว่า ตนมาแจ้งความดำเนินคดีผู้ก่อเหตุในข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ พร้อมให้การกับตำรวจไปแล้ว หลังจากนี้จะไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พร้อมนำหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อ คาดว่าจะสามารถส่งฟ้องศาลได้ภายหลัง 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะพิจารณาเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 1 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดว่าตัวเองจะมาถูกทำร้ายร่างกายซ้ำอีกครั้ง ทั้งที่ก็มีคนอื่นเข้ามาร้องเรียน รวมถึงตัวแทนผู้สมัครพรรคการเมืองต่างๆ เช่นกัน และการร้องเรียนดังกล่าวก็ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมตามกฎหมายอยู่แล้ว ดังนั้นถือว่าการทำร้ายร่างกายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี ไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น และย้อนแย้งกับคำพูดเรื่องหลักประชาธิปไตย ยอมรับว่ามีความวิตกกังวลว่าอนาคตอาจจะมีเหตุเกินเลยกว่านี้ ซึ่งหลังเกิดเรื่องก็มีหลายฝ่ายติดต่อเข้ามาว่าต้องการจะจัดทีมรักษาความปลอดภัยมาให้ แต่ตนก็จะร้องเรียนให้มากขึ้น ไม่ถือเป็นเรื่องเจ็บแค้นโกรธเคือง
นายศรีสุวรรณ กล่าวถึงกรณีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิงแสงเลเซอร์เชิญชวนคนไปเลือกพรรคตัวเองบนสะพานพระราม 8 ว่า เรื่องนี้ตนได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงไปแล้วว่ามีหนังสือตอบกลับจาก กกต.ว่าการกระทำดังกล่าวไม่ถือว่าผิดระเบียบ กกต.เรื่องการหาเสียง ในเมื่อไม่ผิดตนจะออกมาร้องเรียนให้โง่ทำไม
ส่วนคดีเก่าที่ตนถูกลุงศักดิ์ ต่อยที่กองปราบปรามนั้น ตนได้เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 1 ล้านบาท เหตุเพราะกระทบความรู้สึกและตัวเองก็เป็นที่รู้จัก ทำให้ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรี นับว่าเป็นจำนวนเงินที่ไม่สูงเกินไป เพราะคู่กรณียังไลฟ์สดเปิดรับบริจาคได้เงินมามากมาย แต่ได้พูดคุยกันแล้วคู่กรณีไม่ยอมจ่าย แม้แต่บาทเดียวก็ไม่ให้ ขอบอกไว้ว่าทั้งคดีเก่าและคดีล่าสุดนั้นไม่ต้องมาพูดคุยหรือขอโทษตนให้เสียเวลา
ภายหลังนายทศพล คู่กรณี เปิดเผยว่า ตนไม่กังวลเพราะรู้ว่าหลังกระทำไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ตนทำไปเพราะหมั่นไส้ ร้องเรียนไม่เป็นเรื่อง ยืนยันตนไม่เคยรับจ้าง และไม่รู้จักกันมาก่อน มองว่าควรไปร้องเรียนเรื่องราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้นมากกว่า ประชาชนจึงจะเห็นด้วย
ส่วนกรณีเป็นกังวลหรือไม่ที่มีการเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท นายทศพล ระบุว่า ไม่เป็นไร ตนทำเพื่อสังคม ส่วนประเด็นที่ทำแบบนี้เพื่อต้องการเงินบริจาคเหมือนคดีของลุงศักดิ์หรือไม่ นายทศพล เผยว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ และไม่รู้ว่าเคยมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
นายทศพล ยังเผยอีกว่า ขณะนี้เป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว ควรให้นักการเมืองหาเสียงให้แล้วเสร็จก่อน จะผิดหรือถูกให้เป็นหน้าที่ของ กกต.ตัดสิน