พิธาส่อชวดนั่งนายกฯ เสียงไม่ถึง 376 ส.ว. เปรยงดออกเสียง
15 พ.ค. 66 นายวันชัย สอนสิริ ส.ว. กล่าวถึงจับมือจัดตั้งรัฐบาล ของพรรคก้าวไกล ว่า เป็นเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล แต่คนมักเข้าใจว่าใครที่มาเสียงอันดับ 1 ต้องเป็นรัฐบาลหากติดตามการเมืองมาในอดีตเช่น เมื่อปี 2562 พรรคที่มีเสียงอันดับ 1 ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลเสมอไป แต่ถ้าพรรคอันดับ 1 จัดตั้งไม่ได้ก็เป็นเรื่องของพรรคลำดับถัดไปที่เจาจะรวมเสียงกันต่อไป ซึ่งวันนี้เพื่อไทยประกาศแล้วว่าปล่อยให้พรรคก้าวไกลเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องดูว่าเขาจะสามารถประสานกับพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ พรรคเล็กอื่นๆ รวมถึง ส.ว. ได้หรือไม่ และประสานจะสามารถได้เกิน 376 หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นหลักการปกติ หากพรรคก้าวไกลสามารถทำได้ก็จะได้เป็นรัฐบาล แต่หากพรรคก้าวไกลดำเนินการแล้วในการประสานทุกกลุ่มทุกหมู่เหล่า แต่หากไม่สามารถได้เสียงตามที่กฎหมายกำหนด เช่นนี้ก็จะเป็นเรื่องของพรรคการเมืองอื่นที่จะต้องตกลงกันต่อไป ดังนั้นย้ำว่าพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 ไม่จำเป็นต้องได้เป็นรัฐบาลเสมอไป แม่ว่าพรรคก้าวไกลได้ 151 เสียง ก็ไม่ได้หมายถึงจะเป็นรัฐบาล เสียงแต่มีสิทธิ์ในการจัดการและประสานงาน ส่วนการจะได้เป็นรัฐบาลอย่างแน่นอนนั้นเสียงต้องเกิน 251 เสียง
“หากวิเคราะห์การจัดตั้งรัฐบาลซึ่งมีการนำเป็นพรรคก้าวไกล โอกาสสำเร็จเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น ตนมองว่าเขาต้องอย่าคึกคะนอง หรืออย่าผยองในเสียงที่ได้รับชัยชนะมากนัก เพราะไม่ถือว่าเป็นการได้รับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเหมือนในสมัยของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชนะ 300 กว่าเสียง ซึ่งการได้มา 100 กว่าเสียง จำเป็นต้องประสานให้ได้กับทุกฝ่าย ทั้งนี้ตนยืนยันว่าหากไม่สามารถประสานได้กับทุกฝ่าย ก็ต้องปล่อยให้เป็นภาระของฝ่ายอื่น เช่น อาจจะปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ ที่เขาสามารถประนอม และได้เสียงในสภาผู้แทนราษฎรประมาณ 280-290 เสียง ก็สามารถตั้งรัฐบาลได้เช่นเดียวกัน อย่านึกว่าพรรคก้าวไกลจะตั้งได้ฝ่ายเดียว ซึ่งการแข่งกันจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ยากว่าจะให้ใครก่อนหลัง โดยในส่วนตัวของตนนั้นตนได้มีโอกาสนั่งดูการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล 4 ปี ยอมรับว่าพรรคนี้ เหมาะกับการเป็นพรรคตรวจสอบ เหมาะกับการเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่สามารถตรวจสอบการทำงานได้ถึงลูกถึงคนถึงพริกถึงขิง ด้วยความที่เป็นคนหนุ่มและไม่ใช้ลีลาวาทะกรรมทางการเมืองแต่เนื้อๆ ของการตรวจสอบนักการเมือง หรือคนแบบนี้มาถูกเวลา มาถูกวังหวะ และมาถูกสังคม ตนจึงอยากให้ในสภาฯ มีฝ่ายตรวจสอบที่เข้มแข็งอย่างพรรคก้าวไกล ถ้าได้ก้าวไกล 1 ส่วน หรือพรรคการเมืองอีกส่วนหนึ่งประมาณ 40-50 เสียง รวมแล้วได้ 200 เสียง และอีก 300 เสียง เป็นซีกรัฐบาล ตนเชื่อว่าบทบาทในสภาทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายตรวจสอบจะเข้มข้น และเชื่อว่าจะทำให้เป็นที่พอใจของประชาชนในการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ”
นายวันชัย กล่าวอีกว่า หากพรรคก้าวไกลไม่สามารถประสานกับทุกฝ่ายได้ พรรคอันดับ2 ก็คือเพื่อไทยตัวเลข 141 เสียง รวมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคชาติไทยพัฒนา รวมถึงพรรคเล็ก ตนคำนวนตัวเลขได้ประมาณ 280-290 เสียง เป็นตัวเลขที่สวยงาม ก็สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นพรรคก้าวไกลต้องประสานให้เต็มที่ แต่หากไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจ เสียเวลา และแฟนคลับก้าวไกลก็ไม่ต้องโทษใคร เพราะถือว่ามีเวลานอกจากนี้ตนยังมองว่าการทำหน้าที่ของฝ่ายตรวจสอบอาจจะทำให้พรรคก้าวไกลโตขึ้นมากกว่านี้ ทั้งนี้เผลอๆ พรรคก้าวไกลมาเป็นรัฐบาลในช่วงแรกอาจจะพลาดก็ได้ หากทำแล้วไม่เป็นที่ประทับใจของพี่น้องประชาชน ดังนั้นการที่เขาเป็นคนหนุ่มคนสาวมีจังหวะ มีเวลา ก็อาศัยการรอคอยโอกาส ประคับประคองตัวเองให้ดี สะสมกำลังรอคอยโอกาสรวมถึงศึกษาการทำงาน ซึ่งคนที่เข้ามาเป็นส.ส.ในคราวนี้มาจากคนใหม่ทั้งนั้น ดังนั้นจะรีบไปเป็นฝ่ายบริหารทำไม ถ้าเป็นฝ่ายตรวจสอบอาจจะตรงเวลา และตรงสถานการณ์ และตรงคนมากกว่า
เมื่อถามถึงจุดยืนของส.ว. นายวันชัย กล่าวว่า เรามีความชัดเจนและเป็นหลักการตั้งแต่สมัยแรกและสมัยนี้ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง ที่พรรคใดรวมเสียงได้มากเกินกว่ากึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร ควรจะต้องให้พรรคนั้นเป็นรัฐบาล หนึ่งเพราะการบริหารราชการแผ่นดินตลอดจนงบประมาณกฎหมายสำคัญต่างๆ อยู่ที่ผู้แทนราษฎร การที่จะไปโหวตให้กับคนที่มีเสียงข้างน้อยจะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร อีกปัจจัยจากที่ตนได้มีการคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนส.ว. คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ มีประวัติต่างๆ ในการทำงาน รวมทั้งต้องดูว่ามีข้อบกพร่องอย่างไรหรือไม่ หากครบถ้วนสมบูรณ์ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ และอีกประการจะต้องมีการดูในเรื่องของนโยบายในการประสานร่วมกันทุกคนยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งหากครบถ้วนไม่มีเหตุผลใดที่เราจะปฏิเสธเสียงของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย คนเดียวในจังหวัดกรุงเทพมหานคร ที่เฉือนเข้าวิน เอาชนะ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในเขตลาดกระบัง ได้คะแนนเสียงที่ 34,749 มากกว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลของ นายชุมพล หลักคำ ที่ได้คะแนนเสียง 34,745 เพียง 4 คะแนนเท่านั้น รักษาแชมป์สมัยที่ 3 ไว้ได้
นางสาวธีรรัตน์ เปิดใจว่า "ต้องขอขอบคุณในทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ สัญญาว่าเราจะไม่ทำให้ผิดหวังปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด จะทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อตอบเจตนารมณ์ของทุกคน ไม่ทรยศหักหลังประชาชน และขอความไว้วางใจต่อไปในการเลือกตั้งครั้งต่อๆไปด้วย แม้วันนี้ส.ส.ของเราหลายคนไม่ได้รับตำแหน่ง แต่ด้วยความเป็นผู้แทนประชาชนมันทิ้งประชาชนไม่ได้จริงๆ"
นอกจากยังมีข้อมูลกรณีส.ส.งูเห่าจากพรรคอนาคตใหม่และก้าวไกลที่ส่วนใหญ่เข้าไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยใรการเลือกตั้งรอบนี้ซึ่งสอบตกไม่ได้รับเลือกตั้งทั้งหมด
ขณะที่กองเชียร์ฝั่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างเปิดใจเสียดายที่รอบนี้ "ลุงตู่"ไม่ได้เป็นนายกฯ
ป้าลักษณ์ หรือ นางสาวสุวลักษณ์ จันทรัตน์ อายุ 60 ปี เล่าให้ทีมข่าวเราฟังว่ารู้สึกเสียใจและเสียดาย วันเวลาที่ป้ากำลังลุ้นว่าทุกคนมาเลือกนายก แต่พอได้ข่าวแทบสลดลุ้นไปถึงเที่ยงคืนใจหายเลย อยากจะเห็นนายกตู่ เป็นต่อ สานต่อทำต่อ