"ไอซ์ รักชนก" ทวงสัญญาพรรคการเมืองโหวต "นายกฯ" จากพรรคอันดับหนึ่ง จี้ "ส.ว." ควรเคารพเสียงประชาชน หากฝืนจะถูกจารึกว่าเป็น "ทรราช"
15 พ.ค. 66 หลังจากสร้างปรากฏการณ์ล้มยักษ์ "ไอซ์ - รักชนก ศรีนอก" จากพรรคก้าวไกล ซึ่งได้รับชัยชนะในพื้นที่กทม.เขต 28 ทิ้งห่างคู่แข่งอันดับ 2 อย่าง "นายวัน อยู่บำรุง" จากพรรคเพื่อไทยอย่างขาดลอย
ล่าสุด "ไอซ์ รักชนก" ได้ให้สัมภาษณ์กับรายงานลุยชนข่าว ทางช่อง 8 ว่าการที่ได้รับเลือกตั้งส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นกระแสของพรรคก้าวไกลจริง ๆ พร้อมรับด้วยว่าลงเขตนี้โอกาสได้รับชัยชนะน้อย เพราะว่าต้องชนกับบ้านใหญ่ถึง 2 หลัง นายวัน อยู่บำรุง ซึ่งเป็นแชมป์เก่าก็ต้องรักษาพื้นที่ด้วย ตอนแรกคิดว่าตนเองไม่มีโอกาสเลย แต่พอ1-2 เดือนโค้งสุดท้ายกระแสพรรคมาประกอบกับสิ่งที่ตนเองพยายามนำเสนอไปมีกระแสตอบรับที่ดี เวลาปั่นจักรยานไปหาเสียงมีคนเอ็นดู ถ่ายคลิปลงโซเชียลทำให้เริ่มมีหวัง มีแรงเท่าไหร่ใส่เต็มคิดแค่ว่าทำให้ดีที่สุดสมศักดิ์ศรีผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล
เมื่อถามถึงกรณีเสียงของส.ว. ที่อาจจะไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี ความรู้สึกของคนในพรรคก้าวไกลเป็นอย่างไรนั้น "ไอซ์ รักชนก" ระบุว่า ประชาชนตอบชัดเจนผ่านคูหาเลือกตั้งว่า เอาด้วยกับเจตจำนงแบบก้าวไกล เอาด้วยกับการเมืองแบบก้าวไกลกับนโยบายกับก้าวไกล หากย้อน 1-2 เดือนก่อนหน้านี้มีหลายคนทำนายว่าพรรคก้าวไกลได้เพียง 30 หรือ 60 ที่นั่งหรือไม่เท่ากับที่เคยได้มา แต่มาวันนี้ประชาชนพูดชัดผ่านคูหาเลือกตั้งแล้ว ดังนั้นถ้าส.ว.หรือผู้มีอำนาจ หรือชนชั้นนำยังจะฝืนมติสวรรค์ของประชาชน ตนเองคิดว่าคนเหล่านี้จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นทรราชที่ฝืนมติประชาชน ซึ่งในครั้งนี้ในโลกที่โซเชียลมีเดียมาถึงขนาดนี้คิดว่าทุกคนเสพข่าวกันได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างนำมาสู่การเปลี่ยน ดังนั้นถ้าชนชั้นนำ ส.ว.ไม่อยากให้เกิดเหตุการรืที่ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนก็อย่าฝืนมติของประชาชน
เมื่อถามต่อว่าหากส.ว.ใช้สิทธิ์โดยการงดออกเสียง จะทำให้นายพิธาไปต่อไม่ได้นั้น "ไอซ์ รักชนก" ระบุว่าอยากลองให้ย้อนกลับไปดูการดีเบตที่ผ่านมา มีแคนดิเดตจากหลายพรรคการเมืองที่ระบุว่าจะโหวตให้พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งในรอบนี้ถึงพรรคก้าวไกลจะรวมเสียงได้ไม่ถึง 376 เสียง แต่พรรคการเมืองอื่นที่เคยสัญญาเอาไว้กับประชาชนว่าจะโหวตให้นายกรัฐมนตรีที่มาจากเสียงประชาชนอันดับ 1 ก็ต้องรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนด้วย
"ไอซ์ รักชนก" กล่าวถึงส.ว. ด้วยว่านี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะมีที่ยืนในสังคม หากยังจะเกาะกลุ่มกัน 250 เสียงก็จะตายในประวัติศาสตร์แต่ถ้าที่คนที่กล้ายืนอยู่ข้างเสียงประชาชนสัก 50-60 คนก็จะได้รับการสรรเสริญ ได้รับการยอมรับมีพื้นที่ยืนกลับมาในสังคม