ยอมรับว่าไม่ง่าย !! "หมอชลน่าน" ถ้าส.ว.ไม่โหวต การตั้งรัฐบาลก็ยังไม่เริ่มขึ้น ย้ำชัดให้เกียรติ "ก้าวไกล" พรรคอันดับหนึ่งดำเนินการเจรจา
15 พ.ค. 66 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการร่วมจัดตั้งรัฐบาลหลังจากพรรคก้าวไกล ได้รับรับชัยชนะเป็นอันดับที่ 1 ในการเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ค. ว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้มีแถลงการณ์ชัดเจนแล้วว่าพรรคที่ได้เสียงข้างมากต้องได้สิทธิ์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยก็ยินดีและขอให้พรรคก้าวไกลได้ดำเนินการตามที่ประกาศไว้ในการจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเพื่อไทยก็ให้ความเคารพกระบวนการในการจัดตั้งรัฐบาลโดยให้พรรคแกนหลักดำเนินการเจรจา ซึ่งเราก็จะรอ รวมถึงเพื่อไทยได้ประกาศไว้แล้วว่าจะไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่ง
เมื่อถามว่าส.ส.จำนวน 310 เสียง เพียงพอแล้วหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า ความเข้มแข็งของรัฐบาล 310 เสียงถือว่าเพียงพอ แต่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาลที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีได้ต้องอาศัญเสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ส.ว.มาช่วยเลือกนายกฯ ซึ่งทางพรรคก้าวไกลก็ระบุว่าหวังว่าส.ว.จะเคารพเสียงของประชาชน ซึ่งเพื่อไทยก็คิดเช่นเดียวกัน หากส.ว. ไม่ออกเสียงก็หมายความว่าเลือกนายกฯไม่ได้ และกระบวนการตั้งรัฐบาลยังไม่เริ่มขึ้น
ดังนั้นต้องได้เสียงจาก ส.ว.ประมาณ 65 เสียงเพื่อให้ได้ครบ 376 เสียง ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่ในหลักการหวังว่าประชาชนให้เสียงกับฝ่ายประชาธิปไตยขนาดนี้ ควรเป็นความชอบธรรมและได้รับการยอมรับจากส.ว.
เมื่อถามว่าหากวันออกเสียงพรรคก้าวไกล ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ พรรคอันดับสองต้องตั้งใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า หากเลือกในบัญชีไม่ได้ก็สามารถให้รัฐสภาสามารถเสนอให้นำบุคคลภายนอกบัญชีรายมาเสนอเป็นนายกฯ โดยใช้ 500 เสียงขึ้นไป โดยยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะรัฐนูญที่เขียนไว้เป็นกลไกของการสืบทอดอำนาจซึ่งจะหมดในช่วงปี 2567
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำเสียงจากพรรคภูมิใจไทยซึ่งมี 70 เสียงมาด้วยก็จะไม่ต้องพึ่งเสียงส.ว. นพ.ชลน่านระบุว่าต้องขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกล จะคิดมุมนี้หรือไม่ แต่เพื่อไทยไม่มีอำนาจเพราะเป็นหน้าที่ของพรรคอันดับหนึ่ง แต่หากไม่สามารถรวมเสียงให้สนับสนุนได้ถึงที่สุดตามหลักการก็ต้องเปลี่ยนคน
นพ.ชลน่านระบุว่าเชื่อมั่นในพลังของฝ่ายประชาธิปไตยที่เลือกเข้ามาและเหตุการณ์ต่างๆไม่ควรเกิดขึ้น