"วิโรจน์" แจงเหตุผลไม่เอา "ภูมิใจไทย" ร่วมรัฐบาล หวั่น กลไกตรวจสอบของฝ่ายค้านขาดประสิทธิภาพ ไม่เชื่อ สมมติฐาน"เพื่อไทย" จับมือขั้วเก่าตั้งรัฐบาลเอง มองเป็นการแหย่ให้เราแตกกัน

16 พ.ค. 66 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุผลที่ไม่เชิญพรรคภูมิใจ​ไทย​เข้าร่วมรัฐบาล ว่า ยอมรับการตั้งรัฐบาลต้องใช้เสียงมาก แต่เราไม่จำเป็น ต้องใช้เสียงที่มากจนล้นเกินไป เพราะมันจะกลายเป็นการทำให้ฟากฝั่งฝ่ายค้าน ลดประสิทธิภาพการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลลงไปด้วย ดังนั้น อย่าไปกลัว สว. จนต้องเอากลไกการตรวจสอบ ถ่วงดุล ของสภาผู้แทนราษฎรไปแลก อีกประการหนึ่ง คือ เราเคยทำงานร่วมงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านมาแล้ว มีความแน่นแฟ้น มีอุดมการณ์ที่ตรงกัน แต่หากไปดึงพรรคที่มีแนวคิดที่แตกต่างกัน มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน มันก็จะทำงานได้จำกัด

 

"ลองจินตนาการ ถ้าเราดึง" ภูมิใจไทย"มาร่วมด้วย จะเหลือฝ่ายค้านแค่ 120 กว่าเสียง เรากลัวสว" ที่มาจากการลากตั้ง ยอมที่จะลดทอนกลับประสิทธิภาพในการตรวจสอบถ่วงดุลของสภาผู้แทนราษฎร มันไม่คุ้ม มันกลายเป็นการทำลายระบบ"

 

เมื่อถามว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในเชิงส่วนตัว ไม่มีแต่จุดยืนและมุมมองนโยบายหลายอย่าง อาจจะเห็นไม่ตรงกัน ที่ผ่านมาเราก็มีการอภิปรายไม่ไว้ใจกระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเราก็มีเงื่อนไขนี้เข้ามาร่วมด้วย

 

เมื่อถามว่าตอนนี้มันมีความพยายามจะสร้างสูตรใหม่ขึ้นมา โดยพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเพื่อลอยแพพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อ สมมติฐานนี้ แม้จะตอบแทนพรรคการเมืองอื่นไม่ได้ แต่เราคิดว่าสมมติฐานนี้พยายามทำให้พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยตั้งคำถามซึ่งกันและกัน ดังนั้น เราควรเอาจินตนาการในเชิงลบวางไว้ข้างๆก่อน และเอาแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของทั้ง 2 พรรค มากางดูกัน ก็จะพบว่าพรรคเพื่อไทย ได้แถลงการณ์ออกมาชัดเจนและมีสปิริต​ที่น่าชื่นชมอย่างมาก ที่ให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

 

ดังนั้น ส่วนตัวจึงมั่นใจสูตรของพรรคก้าวไกลที่ออกมา 309 เสียง และพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เคยทำงานกันมาก็มีความแน่นแฟ้น อะไรก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เห็นไหมตอนนี้มีความพยายามจะแหย่ให้เราแตกกัน แต่เราแน่นแฟ้นกันมากจึงไม่มีปัญหา

 

ส่วนเรื่องการโหวตของสมาชิกวุฒิสภา พรรคก้าวไกล ไม่ได้มีการติดต่อประสานงานหรือขอคะแนนเสียงไปที่ตัวบุคคล แต่อยากให้ สว.ทุกคน ใช้วิจารณญาณของแต่ละท่านเอง เพราะการเจรจากับ สว.ท่านหนึ่ง เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า เขาจะโน้มน้าว สว.อีก 249 เสียงได้ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่สำคัญตอนนี้เราเห็นท่าทีเชิงบวกจาก สว.หลายๆท่าน เช่น นพ.อำพล จินดาวัฒนะ นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ และยังมี สว.อีกหลายคนที่เคยลงมติปิดสวิตช์ตัวเอง ถึงแม้จะยังไม่ได้มีการแสดงท่าที แต่ท่านคงมีจุดยืน ยิ่งเป็นท้ายวาระของ สว.จึงน่าจะมี สว. หลายคน มองการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป ปรับเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ไม่หักหาญน้ำใจของประชาชนแน่นอน

 


เมื่อถามว่า 60 กว่าเสียงที่เราต้องการคิดว่าถึงหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า คิดว่าถึง เพราะบริบทเมื่อปี 2562 กับปีนี้มันต่างกัน วันนี้เรามี 25 ล้านเสียง สว.ต้องรับฟัง

 

นายวิโรจน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า การกลับมาของ 2 ลุงวันนี้ คงปิดประตูแล้ว ท่านต้องพิจารณาตัวเอง จะฝืนกลับมาได้จริงหรือไม่ ในเชิงเทคนิคคงมีการหาช่องทาง แต่มันก็อาจจะหักหาญน้ำใจประชาชน แต่ถ้ามองในส่วนของการบริหารราชการแผ่นดิน นับจากนี้มันยากและมันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ดังนั้น หากเรามองโลกแห่งความเป็นจริงทั้ง 2 ลุง ต้องลงแล้วละ