"ชลน่าน" ลั่นพูดจนปากเปียกปากแฉะยันหนุน "ก้าวไกล" ตั้งรัฐบาลก่อน เปรียบเหมือนแต่งงาน ต้องช่วยกันให้มีขันหมาก ส่วนคุยเงื่อนไขตั้งรัฐบาลให้เกียรติ "ก้าวไกล" เสนอ เชื่อหาจุดร่วมกันได้ ยอมรับหากแคนดิเดตพรรคเบอร์ 1 ไม่ได้รับเลือกอาจจะสลับเจ้าบ่าวเจ้าสาว
17 พ.ค. 66 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลจะมีการนัดประชุมหารือในการจัดตั้งรัฐบาลช่วงเย็นวันนี้ ว่า เราพร้อมสนับสนุนพรรรก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลช่วยแบบเต็มที่ ส่วนเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล เราก็เกียรติพรรคก้าวไกลเป็นคนยื่นข้อเสนอมา ที่เรียกว่า MOU วันนี้ก็จะมีการพูดคุยในรายละเอียด เรื่องไหนที่เหมือนกันสามารถตกลงกันได้เลย อะไรที่ใกล้เคียงกันก็พยายามปรับจูนเข้าหากัน แต่อะไรที่แตกต่างกันชัดเจน มันก็มีทางออกร่วมกัน เช่น การใช้กลไกของสภา พูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ ซึ่งวันนี้เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน สำหรับพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีอะไรที่รับไม่ได้ คือ 2 พรรคใหญ่ของเราต้องหาจุดร่วมกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน เลือกนายกให้ได้ก่อน เพราะฉะนั้นเราจะไม่ตั้งเงื่อนไขอะไรที่ทำให้การตั้งรัฐบาลทำไม่ได้
นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวต่อด้วยว่า การพูดคุย จัดตั้งรัฐบาลวันนี้อาจจะยังไม่เสร็จสิ้น เพราะพรรคการเมืองบางพระอาจจะเอาไปพิจารณาเพื่อปรับแก้ไข MOU มันต้องใช้เวลาพอสมควรแต่มันก็อยู่ในระยะเวลาที่รอ กกต.รับรองการเลือกตั้งด้วย
เมื่อถามว่ามีความจำเป็นจะต้องดึงพรรคอื่นมาร่วมด้วยหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า 310 เสียง ถือว่าเป็นเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งมาเยอะมากแล้ว เราจึงพยายามทำเงื่อนไขนี้ให้เป็นที่ยอมรับให้ได้ก่อน ถ้าเราไปทิ้งหลักการนี้ พรรคก้าวไกล คงไม่สบายใจ เพราะเขาเป็นคนเสนอ ซึ่งหากเห็นประเทศชาติบ้านเมืองพี่น้องประชาชนเป็นหลักก็น่าจะพูดคุยกันได้ อันนี้คือเงื่อนไขแรก แต่ถ้าเงื่อนไขที่ 2 มีความจำเป็นที่จะต้องลดจำนวน สว.ที่จะมาโหวตเลือกนายก จาก 80 มาเหลือ 50 มันก็พอมีโอกาส โดยการเชิญพรรคการเมืองที่พอจะไปด้วยกันได้เข้ามาร่วม ซึ่งไม่ใช่พรรค 2 ลุง ประชาธิปัตย์ก็มี ชาติไทยพัฒนาก็มี รวมกันก็ 20 กว่าเสียงแล้ว แต่มันก็มีสิ่งที่ต้องระวัง เพราะรัฐบาลเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมันอันตรายกับระบอบมากๆ
เมื่อถามว่าตอนนี้มีความพยายามปั่นให้พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยระแวงกัน โดยบอกว่าพรรคเพื่อไทยจะชิงตั้งรัฐบาลเอง นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ให้เขาปั่นไป วันนี้เราพูดจนปากเปียกปากแฉะตั้งแต่แถลงการณ์แล้ว ยืนยันเจตนารมณ์แม้กระทั่งเราไม่ จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล ผมเปรียบเทียบแม้กระทั่งแต่งงานเลย ถ้าเราจะเป็นเจ้าสาวเขาแล้วไม่ช่วยเขาให้แต่งตั้งนายกฯได้เขาไม่เรียกแต่งงาน
อยากจะปั่นก็ปั่นไป ไม่ขอให้หยุดเพราะคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรคุณจะขออย่างไรเขาไม่สนใจ เขาถือว่าเป็นหน้าที่เขา เราก็ได้แต่รับฟัง คือกลไกที่จะตั้งรัฐบาลเลือกนายกเขาวางไว้ 1 2 3 1 คือ แคนดิเดตของพรรคแกนหลัก ถ้าไม่ได้รับการโหวตมันก็ขยับมาขั้นตอนที่ 2 ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องมาแย่งกันจัดตั้ง แต่กลุ่มเดิมที่ตั้งอยู่ 310 เราต้องหาวิธีการว่าจะตั้งให้ได้อย่างไร เว้นแต่พรรคแกนหลักบอกว่าไม่เอาแล้ว คุณไปจัดตั้งกันเองอันนั้นอีกเงื่อนไข คือเราต้องบอกว่าเราพยายามทำให้ตั้งได้ อย่างแต่งงานเราทำพิธีมีคนมาเตะขันหมากเราทิ้ง เราก็ต้องช่วยกันทำขันหมากใหม่ จะแต่งอย่างไรอาจจะสลับเจ้าบ่าวเจ้าสาว หรือไม่มันเป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการ ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมันบังคับแบบนั้น เมื่อแคนดิเดตหมายเลข 1 ไม่ถูกเลือก แคนดิเดตที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองต่อไป ย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้ถูกเลือก แต่นั่นหมายถึงว่า 310 เสียงต้องมาคุยกันก่อน ยอมไหม ถ้ายอมก็เสนอ candidate คนที่ 2 เข้าไป ถ้าเสนอเข้าไปแล้วยังไม่ถูกเลือกมันก็ต้องพูดอีกว่าทำอย่างไรจะเสนอคนนอกบัญชีเข้าไป มันต้องถึงขั้นนั้น ถึงจะสิ้นสุดว่าไม่ได้แล้ว"
เมื่อถามว่ามีโอกาสเปลี่ยนขั้วเลย โดยไม่มีความก้าวไกลหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าว่า เรื่องนี้ต้องถามประชาชน ตนตอบไม่ได้ เพราะอานัสประชาชนมาแบบนี้ มันก็มีความลำบากและหากเพื่อไทยจะทำเองมันก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ ยกเว้นแต่ทุกคนเห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ บ้านเมือง มาทำเหมือนสภาแห่งชาติไหมมีเสียงมากหน่อย แต่สุดท้ายเราก็หวังว่ามันจะสำเร็จในเงื่อนไขแรก
เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นตัวแปรในการเลือกนายกรัฐมนตรี นพ.ชลน่าน มองว่า เป็นความเห็น จะไปเหมารวมว่าเป็น ส.ว. ทั้งหมดไม่ได้ เพราะความเห็นบุคคลก็หลากหลายไป แต่สิ่งที่สำคัญ และตนเห็นด้วยคือสิ่งที่นายพิธา แถลงว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นฉันทามติ และอาณัติจากพี่น้องประชาชนที่มอบหมายให้ฝ่ายประชาธิปไตยจำนวน 300 กว่าเสียง ซึ่งขณะนี้ 310 เสียงก็ถือว่าเป็นเสียงข้างมาก ฉะนั้นก็ควรเป็นไปตามหลักการ นั่นหมายความว่า ส.ว. เห็นควรจะต้องยอมรับเสียงข้างมากของประชาชน
ส่วนที่นายวิษณุ แนะนำให้ไปคุยกับ ส.ว. นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ความคิดเห็นส่วนตัวเป็นอีกประเด็น เราไม่ห้ามว่าคุณจะเลือกด้วยวิธีคิดแบบใด ยึดหลักการไว้ก่อน แล้วคุณค่อยโหวตให้เหมือนสมัยปี 2562 หากคุณจะมองว่า เจ้าบ่าว หรือเจ้าสาวไม่มีคุณสมบัติ คุณก็ต้องอธิบายเรื่องนี้ได้ สังคมประชาธิปไตยอยู่ด้วยเหตุ และผล ดังนั้นเราต้องใช้เสียงข้างมากมาตัดสิน ดังนั้นสิ่งที่พรรคก้าวไกลคิดขึ้นมา และจะยื่นข้อเสนอมานั่นคือเครื่องมือที่จะบ่งบอกว่า ข้อตกลงร่วมที่จะมีประจักษ์พยานเป็นประชาชนที่เขาต้องรับรู้ และคนที่มีหน้าที่โหวตเลือกนายกฯ ต้องไปดู และพิจารณาว่าสิ่งที่รัฐบาลจะสร้างมีอะไร หากเขารับไม่ได้ก็เป็นคำตอบในตัวของมันเอง
เมื่อถามกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะกลับบ้านภายหลังการเลือกตั้ง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่มีความเห็น เพราะสิ่งที่นายทักษิณ พูดก็ชัดอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยจะเป็นหรือไม่เป็นรัฐบาล ซึ่งขณะนี้เป็นรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งรักษาการอยู่