นายอำเภอซีด! โดนตลบหลังรับส่วยบ่อนไก่คลิปไถไม่มีส่วนลดว่อน เจ้าตัวโต้ถูกหักหลัง
ตำรวจ ปปป. นำกำลังเข้าจับกุม นายประสิทธิ์ นายอำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ในห้องทำงาน หลังจากนายประสิทธิ์ ได้เรียกเก็บเงินเดือนละ 3,000 บาท จากผู้ประกอบการสนามชนไก่ในพื้นที่ เพื่อแลกกับใบอนุญาตให้จัดการเล่นการพนันได้ ทั้งที่จริงแล้ว จะเสียค่าธรรมเนียม เพียงสังเวียนละ 220 บาทต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งผู้เสียหาย มี 6 สังเวียน จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเดือนละแค่ 1,320 บาท แต่นายประสิทธิ์ เรียกเก็บเงินเพิ่ม อ้างว่า เป็นค่าดูแลผู้เสียหายจึงยอมจ่ายเงินให้ 2 เดือน แต่ระยะหลังขาดสภาพคล่อง จึงติดค้าง 1 เดือน แต่ถูกนายประสิทธิ์ ทวงถาม และบังคับให้จ่ายล่วงหน้าอีก 3 เดือน แถมยังข่มขู่จะปิดสนามชนไก่หากไม่จ่าย
จึงนำเรื่องร้องเรียนเจ้าหน้าที่ ก่อนจะวางแผนให้ ผู้เสียหายนำเงิน 12,000 บาท ไปจ่าย เมื่อนายประสิทธิ์ รับเงินจริง จึงแสดงตัวเข้าจับกุมตัว พร้อมกับเงินของกลางที่นำไปจ่าย
ทีมข่าวพูดคุยกับผู้เสียหาย เจ้าของสนามชนไก่ เล่าว่า ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และสนามชนไก่ของตนก็ทำและปฏิบัติตามถูกต้องตามกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยด้วย แต่ที่ต้องมาร้องเรียน เพราะตนเห็นว่าเรียกรับส่วยมากเกินไป เขาเอาแบบว่าผมจะขาดทุน เขาไม่สน ปกติแต่ละอำเภอจะมีบ่อนสนามไก่ชนได้เพียงอำเภอละ 1 บ่อนเท่านั้น แต่ที่เฉพาะ อ.แมวงก์ มีการเปิดเพิ่มขึ้นมาอีก 3 สนาม ทั้งที่สนามของผมได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายเพียงเจ้าเดียว แล้วคิดดูนอกจากจะเสียค่าขอนุญาตรายปีแล้ว ยังต้องมาเสียค่าดูแลให้ท่านขุนคุณชายที่อำเภออีก เดือนละ 5 พันบาทอีกด้วย หากใครไม่จ่าย การขออนุญาตปีหน้าเขาก็จะไม่เซ็นผ่านให้
นอกจากนี้ ผู้เสียหาย นำคลิปเสียงที่ได้บันทึกเป็นหลักฐานระหว่างที่มีการสนทนากับนายอำเภอ โดยมีใจความประมาณการต่อรองกันเรื่องจ่ายค่าสินบน ซึ่งเจ้าของสนามชนไก่ ได้มีการค้างจ่ายมาก่อน 3 เดือน แล้วพยายามเจรจาขอจ่ายก่อน 1 เดือน เพราะว่าช่วงนี้ฝืดเคืองไม่ค่อยมีเงิน แต่เสียงปลายสายกลับพูด บอกว่า นี่มันจะ 3 เข้าเดือนที่ 4 แล้วนะ ก็เคลียร์ของเก่ามาให้หมดก่อน จนเจ้าของสนามชนไก่ต้องต่อรองว่า ขอจ่าย 5 พันไปก่อนได้ไหม แล้วจะรีบทยอยจ่ายในส่วนที่เหลือ จึงทำให้เสียงปลายสาย บอกเออๆ ด้วยน้ำเสียงท่าทีที่พอใจ แต่ก็ยังมีบอกว่าให้มาจ่ายที่ค้างไว้ 2 เดือนเลยทีเดียวดีกว่า มันต้องดูแลกันหน่อย
เบื้องต้นนายประสิทธิ์ ให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจได้แจ้งข้อหา "เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ก่อนนำตัวไปดำเนินคดี