บุกค้นกลางดึกล็อกเป้าคนต้องสงสัยโยงฆ่าณาดา 3 หนุ่มผวา แผล-เลือด โผล่บนตัว
จากกรณีน้องณาดา วัย 3 ขวบ เสียชีวิตปริศนาในแอ่งน้ำ ห่างจากบ้านพักประมาณ 650 เมตร โดยพบศพเมื่อ16พ.ค. 66 หลังหายตัวไป 2 วัน
ขณะที่ผลชันสูตรเบื้องต้น พบร่องรอยการถูกย่ำยี
ขณะที่แนวทางการสืบสวนสอบสวน ได้เชิญผู้ต้องสงสัยสอบปากคำ รวมทั้งตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบเทียบ
โดยเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ตันหยง พร้อมด้วย ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกค้นบ้าน 3 ผู้ต้องสงสัย คือ บ้านนายบี นายซี ซึ่งบ้านทั้ง 3 หลังนี้อยู่ใกล้กับจุดที่พบศพน้องณาดามากที่สุด
โดยมีเจ้าหน้าที่จากพิสูจน์หลักฐานจังหวัดนราธิวาสเดินทางมาร่วมเก็บหลักฐานภายในบ้านทั้ง 3 หลังด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไป ทั้งนี้ ทั้ง 3 ผู้ต้องสงสัย ล้วนแล้วถูกตำรวจนำตัวไปสอบปากคำและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอแล้ว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการค้นและเก็บหลักฐาน
ทีมข่าวช่อง 8 เราได้เดินทางไปที่บ้านของนายซี (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 ที่ตำรวจสงสัยที่สุดอีกครั้ง หลังทราบจากญาติว่า เจ้าตัวได้กลับมาที่บ้านแล้ว
เมื่อไปถึงพบว่า มีญาติบางส่วนเดินทางมาเยี่ยมนายซีที่บ้าน โดยบอกว่า หลังพบศพน้องณาดา นายซีถูกตำรวจนำตัวไปเค้นสอบและพาไปตรวจร่างกายและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งหลังถูกตำรวจปล่อยตัวมา นายซีมีความเครียดเป็นอย่างมาก และขอไปนอนบ้านเพื่อน ก่อนจะเดินหลงภายในป่า ต้องนอนในป่าอยู่ 2 คืน ก่อนจะหาทางออกจากบ้านกลับมานอนที่บ้านได้ เมื่อมาถึงนายซีก็นอนป่วยอยู่ภายในบ้าน
ต่อมาทีมข่าวได้ขอเข้าไปพูดคุยกับนายซี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยญาติได้พาทีมข่าวไปพูดคุยกับนายซี ซึ่งขณะนั้นเจ้าตัวยังนอนหลับ เป็นไข้อยู่ภายในบ้าน ญาติต้องช่วยกันปลุกให้ตื่นมาคุยกับทีมข่าว
นายซี เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองนั้น ยอมรับว่า มีบ้านอยู่ใกล้กับจุดที่พบศพน้องณาดาจริงๆ แต่ยืนยันตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของน้องณาดา
ส่วนวันที่น้องณาดาหายตัวไป ตั้งแต่เช้า ตนเองอยู่ภายในบ้าน ก่อนจะเดินทางออกไปเลือกตั้งเวลาประมาณ 15.00 น. โดยขี่มอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว วันนั้นตนเองใส่เสื้อสีแดง เมื่อเลือกตั้งเสร็จก็กลับมาที่บ้านเวลาประมาณ 16.00 น. ก่อนจะนั่งเล่นอยู่ภายในบ้านกับลูกสาว
กระทั่งเวลาประมาณ 16.20 น. ตนเองได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ตลาดนัด เพื่อไปซื้อกับข้าวให้ลูกสาว ก่อนจะขี่รถกลับมาที่บ้านและนั่งกินข้าวกับลูกสาวและญาติๆ ไม่ได้ออกไปไหนอีก ยืนยันว่า ตนเองไม่รู้ไม่เห็น
ส่วนที่ตนเองหลังจากตำรวจสอบสวนเสร็จและถูกปล่อยตัวออกมา ตนเองไปนอนบ้านเพื่อน ไม่กลับมาบ้าน ก็เพราะว่า ค่อนข้างเครียด เนื่องจากกลัวตำรวจจะจับยัดข้อหา กลายเป็นแพะรับบาป ซึ่งตนเองหลังไปนอนอยู่บ้านเพื่อน คืนวันที่ 17 พ.ค. ตนเองได้เดินกลับบ้านแล้วเกิดหลงป่า หาทางออกไม่เจอ และต้องนอนป่าถึง 2 คืน และตนเองเพิ่งออกจากป่ามาได้เมื่อวานนี้ช่วงเย็น
ระหว่างพูดคุย ทีมข่าวสังเกตเห็นบาดแผลรอยขีดข่วนตามร่างกายของนายซี ซึ่งมีอยู่เต็มตัว ทั้งบริเวณแขน และเท้า จึงถามนายซีว่า ไปทำอะไรมา โดยนายซี อ้างว่า ระหว่างอยู่ภายในป่า ได้เดินหลงป่า และทำให้เกิดรอยขีดข่วนและมีบาดแผลตามร่างกาย ซึ่งแผลทั้งหมดเกิดหลังจากที่ตำรวจนำตัวตนเองไปสอบสวนแล้ว และเกิดหลังเจอศพน้องณาดาไปแล้วทั้งหมด
ตอนนี้ยอมรับว่า เครียดมากจนไข้ขึ้น กลัวตำรวจจะจับตนเองกลายเป็นแพะรับบาป ทั้งๆที่ตนเองไม่ได้ทำ และอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วย เพราะหากตนเองถูกจับไปจริง ก็ไม่รู้ว่า ลูกๆ อีก 3 คน ของตนเองจะอยู่อย่างไร
จากนั้นนายซีเปิดใจ ลูกสาวของนายซี ทั้ง 2 คน ได้เข้าไปกอดนายซีผู้เป็นพ่อให้กำลังใจ โดยมีญาติๆคอยดูแลอยู่ห่างๆ ด้วย
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายบี ผู้ต้องสงสัยอีก 1 คน ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยของนายซี ซึ่งบ้านอยู่ใกล้กัน โดยนายบีเมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) ตำรวจได้เชิญตัวไปสอบปากคำ และพาไปเก็บดีเอ็นเอเพิ่มอีก 1 คน เจ้าตัวให้ข้อมูลว่า ตนเองเป็นคนที่ก่อนหน้านี้วันที่พบศพน้องณาดา คนเลี้ยงวัวเป็นคนไปตามตนเองมาดูศพเป็นคนแรก ก่อนที่ตนเองจะวิ่งกลับบ้านไปเอารถมอเตอร์ไซค์ขี่ไปที่บ้านพ่อของน้องณาดา เพื่อบอกว่า ได้เจอศพของน้องณาดาแล้ว โดยตนเองเป็นคนพบศพเป็นคนที่ 2
ยืนยันว่า ตนเองก็ไม่เกี่ยวข้องกับการตายน้องณาดาแน่นอน และขอเป็นพยานให้กับนายซีพี่เขยด้วยว่า วันที่น้องณาดาหาย พี่เขยใส่เสื้อสีแดง ไม่ใช่ชายชุดขาวที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด และพี่เขย ก็อยู่ที่บ้านกับลูกสาวและลูกชาย 3 คนอยู่ตลอดก่อนที่จะมาทราบว่า ภายหลังว่า น้องณาดาหายตัวไป
ส่วนตนเองก็อยู่ภายในบ้านกับภรรยาและลูกสาว มีพยานยืนยันได้ชัดเจน ซึ่งตอนนี้ทั้งตนเอง พี่เขย พ่อตา กลายเป็นผู้ต้องสงสัยหมด ก็อยากจะขอความเป็นธรรม ให้ตำรวจทำคดีตรงไปตรงมา อย่าจับแพะ เพราะคดีมีโทษหนักถึงประหารชีวิต
และสิ่งที่ตนเองหวั่นใจที่สุดคือ ตนเองล่าสุดไปทราบว่า ในวันที่พบศพ ตำรวจไปเจอกองเลือดปริศนา 1-2 จุด บนคันดินใกล้จุดพบศพ ซึ่งนายบี ได้ออกมายอมรับกับทีมข่าวว่า หากตำรวจจับเอากองเลือดนั้นไปเชื่อมโยงว่า เป็นเลือดของคนร้าย ก็ขอให้รู้ไว้ว่า กองเลือดพวกนั้น เป็นเลือดของตนเอง ไม่ใช่เลือดของคนร้าย
ซึ่งเกิดจากวันที่ตนเองไปพบศพ ตนเองได้ช่วยกันพ่อน้องณาดานำศพน้องณาดาขึ้นจากบ่อ แต่ระหว่างตนเองเดินถอยหลัง ส้นเท้าได้ลื่นไปถูกเปลือกหอยที่อยู่ในโคลนจนเป็นแผลเหวอะที่ส้นเท้าเหว เลือดออกไม่หยุด ทำให้เลือดของตนเองอยู่ในที่เกิดเหตุวันพบศพ โดยนายบี ได้โชว์บาดแผลบริเวณส้นเท้าของทีมข่าวดูอีกด้วย
นอกจากนี้ นายบียังโชว์แขนและฝ่ามือ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ทีมข่าวดูด้วยว่า ตนเองไม่มีร่องรอยขีดข่วนตามร่างกายจุดอื่นอีกด้วย
ส่วนผู้ต้องสงสัยคนที่ 4 คือ นายสะแล คนเลี้ยงวัวที่พบศพน้องณาดาเป็นคนแรก ซึ่งตนเองยอมรับว่า เครียดนิดหน่อย แต่ก็ไม่หวั่นใจเนื่องจากมั่นใจว่า ตัวเองบริสุทธิ์ และตนเองก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจทุกอย่าง
โดยนายสะแล ได้เล่าย้อนให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อช่วง 9 โมงเช้า 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ตนเองนำวัวมาเลี้ยงที่บริเวณทุ่งหญ้า ได้ไปพบศพเด็กหญิงลอยอยู่ในแอ่งน้ำ จึงได้วิ่งไปบอกนายบี ซึ่งบ้านอยู่ไม่ไกลกับจุดพบศพ และให้นายบีช่วยไปถามพ่อของน้องณาดา ว่า ลูกสาวใส่เสื้อสีอะไร เพราะศพที่พบ เด็กใส่เสื้อสีฟ้า กระทั่งพ่อน้องณาดามาก็มั่นใจว่า คือลูกสาวจริงๆ
และขณะนั้นตนเอง พ่อน้องณาดา รวมถึงนายบีก็ช่วยกันเอาศพน้องขึ้นมาจากบ่อ ซึ่งตนเองยืนยันว่า นายบี ได้เหยียบเปลือกหอยเลือดออกที่ส้นเท้าจริงๆ กองเลือดที่ตำรวจพบก็เป็นของนายบีจริงๆ ไม่ใช่ของคนร้าย
ซึ่งหากเป็นกองเลือดของคนร้ายจริง ก็คงไม่เหลือแล้วเนื่องจาก หลังจากวันที่น้องณาดาหาย ฝนก็ตกลงมาทุกวัน คงล้างเลือดไปหมดแล้ว
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในวันที่น้องณาดาหายตัวไป เมื่อ 14 พฤษภาคม โดยจะเห็นว่า เวลาประมาณ 16.12 น. กล้องวงจรปิดร้านค้าข้างๆ จะเห็นพ่อของน้องณาดา วิ่งนำแบงก์ร้อยมาแลกเงินกับร้านค้าข้าง ก่อนจะเดินออกจากร้านในเวลา 16.12.39 น. เพื่อนำเงินไปทอนให้ลูกค้าที่ซื้อข้าวเกรียบ ซึ่งพ่อน้องณาดา ทิ้งให้น้องอยู่ที่ร้านเพียงแค่ 20 วินาทีเท่านั้น
จากนั้นเวลาประมาณ 16.13.31 หรือประมาณ 1 นาทีต่อมา จะเห็นพ่อน้องณาดาเดินไปเดินมาบริเวณหน้าร้านค้าของเพื่อนข้างๆ ซึ่งตอนนั้นพ่อน้องณาดาเพิ่งจะรู้ว่าลูกสาวหายตัวไป