สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจจากเสียงประชาชนถึงการตั้งรัฐบาล เกินครึ่งเห็นว่าได้รัฐบาลใหม่ และนายกรัฐมนตรีใหม่
สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจศึกษาต่อเนื่อง เรื่อง จากเสียงประชาชนถึงการตั้งรัฐบาล กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น 1,459 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤษภาคม พ.ศ.2566 โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนจากขนาดตัวอย่างบวกลบร้อยละ 5 ในช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95
เมื่อถามประชาชนถึงมุมมองสถานการณ์บ้านเมืองหลังการเลือกตั้ง พบว่า เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.8 ระบุ ได้รัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ร้อยละ 51.7 ระบุ บ้านเมืองจะดีขึ้น และร้อยละ 31.0 ระบุจะได้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี จากกลุ่มรัฐบาลเดิม
เมื่อถามถึงความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.6 ไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีที่นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย ในขณะที่ร้อยละ 9.7 ต้องการ และร้อยละ 0.7 ระบุอื่น ๆ เช่น ไม่ระบุ อย่างไรก็ได้รับได้หมด
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคก้าวไกล พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.4 เห็นด้วยที่ทุกฝ่ายควรปล่อยให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามกระบวนการรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่น ๆ ให้บ้านเมืองสงบสุขไม่วุ่นวาย รองลงมาคือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.1 ระบุ ประชาชนควรใช้โอกาสนี้ เรียนรู้การเมือง ปล่อยให้ พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไปก่อน ถ้าจัดไม่ได้ควรปล่อยให้พรรคเพื่อไทยพรรคการเมืองอันดับสองมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลตามกระบวนการประชาธิปไตยด้วยความสงบเรียบร้อย และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.6 ระบุ สมาชิกวุฒิสภา ไม่ควรยุ่งกับการตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ส.ว. ควรงดออกเสียง ตามลำดับ
รายงานของซูเปอร์โพล ระบุว่า ผลของการวิเคราะห์ข้อมูลโพลครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนต้องการให้พรรคก้าวไกลเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลและไม่ต้องการให้สมาชิกวุฒิสภายุ่งเกี่ยว ถ้าพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรให้โอกาสพรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคอันดับสองได้จัดตั้งรัฐบาลตามกระบวนการประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญ กรอบของกฎหมายด้วยความสงบเรียบร้อย