หนุ่มใจเด็ดล่า 3 ปี แท็กซี่ถูกหมายจับ โวยตำรวจอืดทำมาเฟียฮึกเหิม
เป็นเรื่องราวที่สมุทรปราการ โชว์เฟอร์แท็กซี่เก็บความแค้นนานหลายปี
ในอดีตเคยเจอคนมาเก็บเงินตอนเข้าวินจอดรถ จึงไปแจ้งตำรวจจับคนที่เคยเรียกเงินตนเอาไว้ ตำรวจออกหมายเรียกแล้วแต่คู่กรณียังไม่มาชี้แจง เลยกลายเป็นหมายจับ แต่ยังไม่ได้จับคู่กรณีสักที สุดท้ายโชว์เฟอร์แท็กซี่ เลยออกตามล่าวินเถื่อนด้วยตัวเอง จนเจอคนที่เคยไถเงินในที่สุด
วันที่ 21 พฤษภาคม 2566 จากกรณีที่เพจ อยากดังเดียวจัดให้รีเทริน์ part6 ได้โพสต์คลิปวีดีโอพร้อมกับระบุข้อความเอาไว้ว่า ที่นี่ สมุทรปราการ !!!!! หมายจับก็มี เก่งกันนัก กร่างกันนัก กดขี่กันดีนัก ข่มเหงรังแกกันดีนัก หมดอาชีพ หมดทางทำมาหากินจุดจบขาใหญ่แพรกษา คนหนี จนท. ยึดรถ คำแปลคลิปคนถ่ายแจ้งความคนขับ(คดีอะไรสักอย่าง/คดีทำร้ายร่างกาย) ศาลออกหมายจับแล้ว แต่ผ่านไปนานก็จับไม่ได้สักที คนขับก็ตีมึนทำตัวปกติต่อไปในสังคม จนคนถ่าย(เจ้าทุกข์)ต้องถือหมายจับ มาจับเอง น่าจะราวๆนี้มั้ง คนถ่ายน่าไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นเจ้าทุกข์
โดยในคลิปจะเห็นว่าเจ้าของคลิปเดินมาหาโชว์เฟอร์แท็กซี่ แล้วบอกกับโชว์เฟอร์ว่า มีหมายจับ ก่อนที่เจ้าของคลิปจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถแล้วบอกให้โชว์เฟอร์ขับไปโรงพัก แต่โชว์เฟอร์ก็พยายามบอกให้เจ้าของคลิปลงจากรถเพราะว่าจะกลับบ้าน แต่เจ้าของคลิปก็ไม่ยอมลง และยังระบายอย่างอัดอั้นตันใจถึงกระบวนการยุติธรรมว่า ผ่านมาหลายปี ไม่มีหน่วยงานไหนสามารถจับผู้ต้องหาให้ตนได้ ทั้งที่มีหมายจับ ก่อนที่โชว์เฟอร์แท็กซี่จะขับรถไปจอดที่ปั้มน้ำมันย่านบางปู เจ้าของคลิปจึงโทรแจ้งตำรวจให้ตามมายึดรถไปที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสมุทร สามารถจับกุมนายสุมนัส อายุ 47 ปี ได้ที่บ้านพัก พบเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหาเป็นอั่งยี่ หรือซ่องโจร ร่วมกันพยายามขืนใจผู้อื่นใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้อันตรายแก่กายและจิตใจ พร้อมยึดรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว 9375 กรุงเทพมหานครไว้ตรวจสอบ
ต่อมาผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อเท็จเรื่องดังกล่าว ทราบว่า ผู้อัดคลิปกับโชว์เฟอร์แท็กซี่ในคลิปนั้นเป็นคู่กรณีกันตั้งแต่ปี 2563 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2563 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์ คลิปวิดีโอ การสนทนา โดยใช้หัวข้อว่า วินเถื่อน BTS แพรกษา มีคลิปครับ พูดคุยสนทนาฟังดูกันเอาเองแล้วกันครับ แพรกษา BTS ฟังน้ำเสียงดูสิครับ การเรียกเก็บค่าจอดว่า จากบุคคลกลุ่มหนึ่ง โดยคนขับแท็กซี่ เล่าว่า ระหว่างวิ่งรถ และ มาหยุดรอ รับ-ส่ง ผู้โดยสาร ที่หน้า ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนสุขุมวิท ซึ่งมีรถแท็กซี่จอดอยู่ 4 – 5 คันโดยมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ท้ายรถแท็กซี่คันสุดท้าย ระหว่างนั้น ก็พยายามที่จะจอดต่อท้าย แต่ชายคนดังกล่าวมาบอกว่า ต่อแถวไม่ได้ เพราะไม่ได้จ่ายเงินค่าวิน จึงสอบถามว่า เก็บค่าวิน เท่าไหร่ ใครเป็นผู้ดูแล แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ โดยชายคนดังกล่าวบอกว่า ไม่สามารถบอกข้อมูลคนนอกวินได้ ซึ่งจากการสังเกตก็พบว่า มีรถแท็กซี่จอดอยู่หลายคัน ที่ริมถนน หน้าห้างสรรพสินค้า ใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีแพรกษา จากนั้น จึงไปแจ้งความที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นพวกเก็บส่วยจากวินรถแท็กซี่ ซึ่งหลังเกิดเรื่องเจ้าหน้าที่ก็ติดตามตัวชายทั้ง 2 คนในคลิปมาแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด
ด้าน นาย ทรงชัย อายุ 38 ปี เจ้าของคลิป เปิดเผยว่า หลังตำรวจจับกุมได้แล้วนั้นโดยส่วนตัวแล้วก็ยังกังวลเรื่องของการได้ประกันตัวอยู่ เพราะเชื่อมาตลอดว่าพี่มีหมายจับและไม่สามารถจับตัวได้นั้นเพราะมีการจ่ายส่วยให้กับตำรวจในพื้นที่ และ และถ้าหากเขาได้ประกันตัวก็เกรงกลัวเรื่องของความปลอดภัยเหมือนกันแต่ที่กลัวไปมากกว่านั้นก็คือการที่ตัวเองออกมาเปิดโปงเรื่องส่วยกับตำรวจ เพราะเชื่อว่าถ้าหากตัวเองโดนทำร้ายร่างกายหรือมีอะไรเกิดขึ้นก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่หลังจากนี้ก็คงกลับไปใช้ชีวิตตามปกติแล้วถ้าหากเจอเหตุการณ์แบบมาเฟียแท็กซี่อีกก็คงไม่ยอมและคงดำเนินการเหมือนครั้งนี้
นายทรงชัย ยังบอกอีกด้วยว่าที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเองแล้วก็อยากเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆที่ต้องเจอมาเฟียแบบนี้ว่าไม่ควรยอมเพราะผมนี่แหละจะทำให้ทุกคนเห็นว่าคนธรรมดาก็ทำให้มาเฟียติดคุกได้
นอกจากนั้นยังบอกอีกด้วยว่าจังหวัดสมุทรปราการเป็นดินแดนที่มีการเรียกเก็บส่วย ในหลายพื้นที่ทั่วจังหวัด
ด้านนายสุมนัส อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ เล่าว่า ระหว่างที่ตนจอดรถแท็กซี่รอลูกค้าอยู่ที่หน้าบิ๊กซี สมุทรปราการ จู่ๆก็มีชายสวมหมวกกันน็อกเดินหาตน บอกให้ไปโรงพัก แล้วก็กระโดดขึ้นรถตนเลย ตนจำไม่ได้ก็เลยถามว่าเป็นใคร แล้วก็บอกให้ลงจากรถ แต่ทางเขาก็ไม่ยอมลงจากรถ ตนจึงขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ปั๊มเอสโซ่บางปูแล้วก็กลับบ้าน ปล่อยให้เขานั่งอยู่บนรถ ยอมรับว่าจำเขาไม่ได้และกลัวด้วยเพราะเขาใส่หมวกกันน็อกตลอด ส่วนเรื่องที่ถูกออกหมายจับนั้นตนไม่ทราบมาก่อน เพราะตนป่วยนอนติดเตียงพักฟื้นอยู่ที่ต่างจังหวัดมานานหลายปี เพิ่งจะกลับมาขับรถแท็กซี่ได้ไม่นาน ส่วนเรื่องรถแท็กซี่ก็ยอมรับว่า รถหมดอายุจริงต่อทะเบียนขับรถแท็กซี่ไม่ได้ แต่ตนก็ต้องขับเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวนิดๆหน่อยๆ ไม่มีเงิน ซื้อรถใหม่