"อดิศร" ชี้ "เพื่อไทย" เหมาะนั่งตำแหน่งประธานสภามากกว่า หากอยากนั่งทุกตำแหน่งต้องได้เสียง 377 เสียง เหมือนยุคไทยรักไทย ตอกกลับ "ปิยบุตร" จะกินรวบทุกตำแหน่งไม่ได้
24 พ.ค. 66 นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความระบุประธานสภาต้องเป็นตำแหน่งของพรรคก้าวไกล ว่า ด้วยความเคารพนายปิยบุตร ทุกสิ่งทุกตำแหน่งท่านจะกินรวบไปหมด โดยเข้าใจว่าตัวเองมีเสียงข้างมากความเป็นจริง 152 เสียง ยังเป็นเสียงที่ไม่ได้เกินครึ่ง ถ้าอยากได้ทุกตำแหน่งต้องทำให้ได้เหมือนพรรคไทยรักไทย 377 เสียงที่จะชี้เป็นชี้ตาย โดยพรรคเพื่อไทยยินดีที่จะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี นี่คือประเพณีของระบอบประชาธิปไตย แต่เมื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ได้ไข่เป็ดไข่ไก่ ไม่ใช่ว่าได้ฝ่ายบริหารแล้วจะไม่ให้พรรคอื่นไปดำรงตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะฝ่ายนิติบัญญัติต้องดูความเหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา เช่น บางครั้งนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภามีเสียงส.ส.แค่ 60 เสียง ยังดำรงตำแหน่งได้ หรือ ในกรณีนายอุทัย พิมพ์ใจชน ที่มีเพียง 3 เสียงก็ยังเป็นประธานสภาได้ ด้วยความเหมาะสมปอนด์ต่อปอนด์แล้ว บุคลากรของทั้ง 2 พรรค ตนคิดว่าบุคลากรของพรรคเพื่อไทยน่าจะมีความเหมาะสม ในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า
พร้อมยืนยันว่าข่าวที่ออกไปไม่ใช่การแก่งแย่งกันทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคประชาธิปไตยทั้งคู่ ตนจึงคิดว่าควรไปโหวตตำแหน่งนี้ในสภา
เมื่อถามว่านายปิยบุตรอาจจะไม่เห็นด้วยในเรื่องของเอ็มโอยูที่ไม่มีการแก้ไขม.112 และต้องการตำแหน่งประธานสภาผลักดันแก้กฎหมายฉบับนี้ นายอดิษร ระบุว่า ตนคิดว่านายปิยะบุตรควรไปพูดคุยกันในพรรคก้าวไกล เพราะในการหาเสียงของพรรคก้าวไกลมีการนำเรื่องการแก้ไขม.112 มาหาเสียงจนได้ชัยชนะ จึงเป็นห่วงว่ากลุ่มประชาชนที่สนับสนุนจะมองว่าสู้ไปโกหกไปหรือไม่ จึงเป็นห่วงภาพลักษณ์ของก้าวไกล ยังไม่เป็นรัฐบาลเลยก็ทำแบบนี้เสียแล้ว
นายอดิศร ยังฝากถึงนายปิยะบุตร ว่า ขณะนี้เป็นสังคมเทคโนโลยี กฎหมายที่จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาจะทำตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องทำตามข้อบังคับต้องทำตามข้อบังคับ ถ้าจะเป็นรัฐบาลอย่าห่วงเรื่องเล็ก “ตนขอสอนหน่อยในฐานะที่นายปิยะบุตรเป็นรุ่นน้อง ขอแตะมือกันนะน้องจ๋า ไม่ได้ซักตำแหน่งก็ไม่ล้มเสียหายตายเสียจาก”