ไมเคิ่น ตั๋ง ชีวิตดิ่งไร้คนจ้าง 4 ปี ต้องเร่ขายของ ยอมออกวงการ ร่างกายทรุด
โลกออนไลน์ มีการแชร์คลิปติ๊กต็อกของ ไมเคิ่น ตั๋ง หรือนายรุ่งโรจน์ นิจรันธ์ ซึ่งเป็นศิลปินก็อปปี้โชว์ระดับตำนาน ที่กำลังทอดไก่ขายอยู่ในตลาดนัด ทำให้หลายคนสงสัยและเป็นห่วงว่า ชีวิตตกอับหรือตกระกำลำบากอย่างไร
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ไปพบเจ้าตัวที่แฟลตดินแดง ซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่กับภรรยา เลยขอให้ซี้แจงประเด็นข่าวนี้ว่าเป็นมาอย่างไร เจ้าตัวอธิบายให้ฟังว่า ไม่มีอะไรทำ และร่างกายเราแย่ตั้งแต่อายุ 60 มา เหมือนมันฟ้องเลยว่าเราเต้นก็อปปิ้แบบเดิมไม่ได้แล้ว จะทำอะไรโลดโผนเหมือนเดิมไม่ได้ ก็คือเราไม่มีงานเลยตั้งแต่ช่วงโควิดแรก และพอเขาปิดกิจกรรมไปก็ไม่ได้ติดต่อเราอีกเลย รู้สึกว่าเราเกษียณแล้วเราก็เลยใช้เงินเก็บเรื่อยมา เพราะไม่มีใครจ้างงานมาเลย 4 ปีติดต่อกัน มันต่างจากสมัยก่อนมาก ที่เราจะมีงานให้เลือกทุกเดือน ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นการนับถอยหลังให้กับร่างกาย ยิ่งร่างกายมันไม่ไหวแล้ว มาบวกกับเรื่องลิขสิทธิ์เพลงอีก
เราไม่ได้จะกลับมารับงานในวงการนะ แต่แค่บอกว่าพอเถอะ ถ้าใครอยากจะทำอะไรก็ทำไป เราก็เลยไปช่วยญาติขายของที่ตลาด บางทีเราเดินไปเจอใครที่ตลาดก็ช่วยเหลือกัน ก็ช่วยด้วยแรงช่วยด้วยทรัพย์ก็เท่าที่ทำได้ พอไปเห็นความลำบากของคนแล้วเราก็จะช่วยเหลือเขา แล้วก็จะมีเก็บขยะรอบๆ แฟลต
อย่างภาพที่ออกมาในโซเชียลที่เราไปขายของ คือจะบอกว่าเราไม่ได้ไปขายทุกวัน ถ้าวันไหนญาติมา ไปขายของ เราก็จะลงไปช่วยแล้วพอดีวันนั้นภรรยาถ่ายไว้ก็เลยเอาไปโพสต์ในโซเชียล และมีคนเข้ามาติดตามก็ขอบคุณที่ยังมีคนห่วงใยถามไถ่กัน
เริ่มมีกระแสออกมาว่าตกอับหรือเปล่าถึงต้องลงไปขายของตลาดนัด คือ ยอมรับว่าตกอับมานานแล้ว แต่โชคดีว่าเราอยู่กับภรรยาสองคนไม่มีลูกเราก็เลยใช้เงินเก็บที่เราหาได้ ก็ใช้วิธีเก็บออมเอา ก็พยายามมาวันนึงอย่าเกิน 200 บาท เราก็อยู่กันได้ อย่างที่บอกว่างานมันหายไปเพราะตอนช่วงโรคระบาด และเราจิตตกด้วยว่ามันหมดแล้ว เรารีบพักดีกว่าเพราะว่าที่ผ่านมาเราเล่นอะไรผาดโผนมาเยอะใช้กำลังมาเยอะ รู้สึกว่าใช้ร่างกายตัวเองไปเยอะมาก เราควรให้เขาได้พักผ่อนบ้างทุกวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรจะมีแต่ภรรยาที่ทำงานบัญชีอยู่ก็จะมีรายได้เข้ามาบ้าง
เรียกว่าตอนนี้อยากคืนชีวิตให้กับตัวเอง เพราะว่ามันเหนื่อยแล้ว เพราะว่าเราทำงานเต็มที่แต่ถ้าทำงานแล้วได้ไม่ถึง 50% เราไม่อยากทำดีกว่า เพราะอดีตเรามันยิ่งใหญ่มันมีคุณภาพ เราอยากให้ภาพเหล่านั้นอยู่ในความทรงจำของแฟนคลับ ก็อาจจะไปเจอกันได้ตามโซเชียล และชอบใช้วิถีชีวิตแบบนี้มากกว่า
กับข่าวไม่ได้คิดมากอะไร ถ้าคนเข้าใจผิด แต่ก็อย่างที่บอกว่าใครถามแล้วก็จะบอกว่าขายของอยู่แถวนี้ขอบคุณที่ยังเป็นห่วงกัน ใครเจอก็เข้ามาทักทายกันได้ การใช้ชีวิตตอนนี้ก็คือใช้ชีวิตปกติมาก อาจจะมีช่วงเดือนสองเดือนที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่เราอยู่กันมาก็คิดว่าจะต้องอยู่ยังไงให้ได้
ไม่ได้ใช้คำว่าเบรกงานในวงการ แต่ให้ใช้คำว่าเลิกงานในวงการเลย ถ้าติดต่องานมาเราไม่รับเลย ถ้าอะไรที่ทำให้ไม่เต็มร้อยเราไม่อยากรับ เดี๋ยวนี้ก็เห็นได้ตามข่าว
ว่าคนที่เล่นงานให้ผับกลางคืนมันก็มีความเสี่ยงเยอะ และค่าครองชีพค่าใช้จ่ายมันก็แพงขึ้นทุกวัน ค่าตัวของพวกเรายังอยู่หลักพัน บางทีมันยังไม่พอกันเลย เพราะอย่างที่
บอกว่าแฟนคงจำภาพเราในแบบเดิมที่เราเคยทำไว้ แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้แล้ว ก็เลยจะต้องบอกว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ เลยเลือกคำว่าพอแค่นี้ดีกว่า
สุดท้ายก็ขอบคุณแฟนคลับที่กดไลท์กดแชร์กดติดตามกัน เราก็ไม่ได้มีช่องทางอะไรเป็นของตัวเอง ก็จะมีแค่โซเชียลที่โพสต์ออกไปทุกวัน ก็ใช้ชีวิตตามปกติ แล้วก็มาตามใช้ชีวิตที่เราไม่เคยได้ใช้ตอนก่อนหน้านี้ ก็มีพูดคุยทักทายกับแฟนคลับและเพื่อนๆ บ้างตามประสา