"โรม" ยังเชื่อใจ "เพื่อไทย" ไม่แตกคอพรรคร่วม หลังดราม่าแย่งเก้าอี้ "ประธานสภาฯ" ลั่น "ก้าวไกล" ไม่ทำร้าย-เอาเปรียบใคร ตอบกลับ ถ้า "ก้าวไกล" ได้ 141 เสียง เป็นอันดับสอง คงไม่ขอเก้าอี้ประมุขนิติบัญญัติ ย้ำ ยังไม่คิดถึงขั้นเป็นเกมถูกลอยแพ
26 พ.ค. 66 นายรังสิมันต์ โรม ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ ถึงประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯ หลังเกิดกระแสความขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทย ว่า ตอนนี้มีหลายความเห็น แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นว่าการมีตำแหน่งประธานสภาฯจะเกิดประโยชน์หากเป็นคนของพรรคก้าวไกล และหากให้พูดตรงไปตรงมา พรรคก้าวไกลก็มีหลายวาระที่ต้องการผลักดัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของสังคม เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การทำให้กฎหมายเปลี่ยนประเทศสามารถดำเนินการได้ รวมถึงกลไกที่จะทำให้โครงสร้างของสภามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อย่างเรื่องของงบประมาณของสำนักงบสภาฝ่ายกฎหมายที่เราอยากจะยกระดับ
นอกจากนี้พรรคก้าวไกลยังมีโครงการที่จะผลักดันเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลไกที่อยากทำให้การเมืองเปลี่ยนไป
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่สนใจ แต่เรายืนยันว่า แม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่ก็สามารถทำได้ “ถ้าเราดูตำแหน่งประธานสภาต้องเป็นคนที่มีอายุเท่านั้น เป็น ส.ส.มาหลายสมัย เราไม่เห็นด้วย ผมคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดเป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อม การเตรียมการทำงานที่จะทำให้ออกมามีคุณภาพมากที่สุด แต่ถึฃที่สุดไม่ว่าจะเป็นองค์กรไหนก็แล้วแต่ ต้องเป็นคนที่มีความหลากหลายรุ่น สิ่งสำคัญในส่วนของสภามีข้อบังคับและกฎเกณฑ์กติกาอยู่ ประธานสภาต้องทำให้การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น”
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ประธานสภา ไม่ได้มีแค่การประชุม ดังนั้นพรรคก้าวไกลมีแผนที่ชัดเจน สามารถตอบคำถามพี่น้องประชาชนได้ ว่าถ้าได้ตำแหน่งประธานสภาเราจะทำอะไรเพื่อพี่น้องประชาชน และทำอย่างไรให้ประเทศนี้เปลี่ยนแปลง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยออกเป็นประกาศผ่านทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊กว่าตำแหน่งประธานสภาไม่ใช่วาระของพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง จะส่งผลกระทบต่อพรรคร่วมรัฐบาลและความเชื่อใจต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องความเชื่อใจเราเชื่ออยู่แล้วในตัวพรรคร่วมไม่เช่นนั้นก็คงไม่ร่วมกัน และขอยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่ต้องการทำร้ายใครหรือเอาเปรียบใคร โดยยืนยันว่า ส่วนที้ทำไปทั้งหมดต้องการทำเพื่อความเปลี่ยนแปลงซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบได้ และหากไม่ได้ทำ ประชาชนก็ลงโทษเราได้ผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นกลไกของวิถีประชาธิปไตย
“เราต้องการเข้าไปเปลี่ยนแปลง เรามีตำแหน่งไม่ใช่เพื่อตำแหน่ง แต่มีตำแหน่งเพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลง”
นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่าตำแหน่งประธานสภามีความสำคัญ และที่สำคัญคือความเป็นกลางและทำให้เสียงข้างน้อยมีสิทธิมีเสียงเกิดความรืบรื่นในการตรวจสอบถ่วงดุล
เมื่อถามว่า ยืนยันหนักแน่นหรือไม่ว่าหลักการตำแหน่งประธานสภาต้องมาจากพรรคอันดับ1 นายรังสิมันต์ ตอบว่า เรามองหลายมิติ ถ้าพรรคก้าวไกลได้ที่นั่ง 141ที่ แล้วเพื่อไทยได้กลับกันเป็น151ที่นั่ง เราพรรคก้าวไกลจะไม่บอกเลยว่าจะขอตำแหน่งประธานสภา เพราะเราเข้าใจดีว่า พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะได้ตำแหน่งประธานสภาด้วย และตนเองคิดว่าถึงที่สุดอายุหรือสมัย ส.ส.ไม่ได้เป็นตัวชี้วัด พรรคก้าวไกลจำนวนสมัยที่ได้เป็น ส.ส.อาจจะไม่เท่าพรรคการเมืองอื่นแต่ก็สามารถทำได้
เมื่อถามอีกว่า เก้าอี้ประธานสภา จะเป็นตัวการันตีความเป็นรัฐบาลของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ เนื่องจากหลายคนกังวลว่า หากเสียงเก้าอี้ประธานสภาไปก้าวไกลจะถูกลอยแพ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรายังไม่คิดถึงขั้นนั้น บนพื้นฐานที่ทำงานอยู่ทุกคนที่เข้ามา เราให้ความไว้วางใจอย่างเต็มที่ เพราะท้ายที่สุดต้องคุยกันหลายเรื่อง พร้อมยืนยันว่าข้อกล่าวหาว่าพรรคก้าวไปล กินรวบทุกตำแหน่ง ไม่เป็นความจริง