หลักฐานมัดผู้บงการชายชุดดำ บุกวัดบางคลานพบโทรสั่งการขวางสมภารสอบ 100 ล้าน

จากกรณีชายชุดดำบุกยึดวัดหิรัญญาราม หรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร และ บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายพระสงฆ์ คนงานของวัด และไวยาวัจกรที่อยู่ในกุฏิ เจ้าอาวาสวัดบางคลานได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา

ทีมข่าวช่อง8 ลงพื้นที่ไปที่วัดบางคลาน เพื่อไปคุยกับ พระครูพิสุทธิวรากร หรือ พระอาจารย์ขาว เจ้าอาวาสคนปัจจุบันของวัดบางคลาน แต่ปรากฏว่าเจ้าเอาวาดคนปัจจุบันไม่สามารถจำกัดอยู่ในวัดได้ เนื่องจากมีปัญหากันอยู่ จึงต้องไปหาพระอาจารย์ขาว ที่วัดหนองดง

พระอาจารย์ขาว บอกว่าเหตุการณ์เรื่องชายชุดดำนั้นเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ของพระอาจารย์สลิดเจ้าเอาวาสรูปเดิม ก่อนที่พระอาจารย์ขาวเข้ามารับตำแหน่ง

ซึ่งจริงๆแล้วพระอาจารย์ขาวไม่ได้รู้เรื่องการทุจริตในวัดบางคลานด้วย แต่เมื่อมีคนร้องเรียนจนทำให้พระอาจารย์สลิดถูกปลดออกจากตำแหน่ง พระอาจารย์ขาวจึงเข้าไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อ ตามคำสั่งมติคณะสงฆ์

เมื่อย้อนกลับไปดูเรื่องมูลเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีคดีชายชุดดำ

ในปี ตุลาคม 2557 พระอาจารย์สลิด โดนตรวจสอบ เรื่องเงินวัดหายไป จำนวนหลักสิบล้าน

ในปี พ.ย. 2557 พระอาจารย์สลิด จึงโดนปลด ออกจากเจ้าอาวาส ให้เป็นพระลูกวัด

17 พ.ย. 57 หลวงพ่อขาว เจ้าอาวาสวัดหนองดง เป็นรักษาการเจ้าอาวาส ตามมติคณะสงฆ์ ที่แต่งตั้งขึ้นมา

ปลายปี 2557 หลังจากนั้น พระอาจารย์สลิด ก็ฟ้องศาลปกครอง คณะสงฆ์ทั้งหมด เรื่องโดนปลด แต่ศาลยกคำร้อง

ปี2560 เริ่มมีการต่อต้านจากกลุ่มลูกศิษย์พระอาจารย์สลิด

ปี 2561 พระอาจารย์ขาวเข้าไปดำเนินการตรวจสอบภายในวัด ส่งมอบ เอกสาร ทรัพย์สินภายในวัด แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะถูกต่อต้านและขับไล่จากกลุ่มเจ้าอาวาสคนเดิม

ปี2561-2565 มีการต่อต้าน จากกลุ่ม ลูกศิษย์พระอาจารย์สลิด เช่นปิดวัด 3-4 ครั้ง เพื่อขับไล่พระอาจารย์ขาว

ธ.ค. 2565 พระอาจารย์สลิดมรณภาพ

10 มี.ค.2566 แต่งตั้งพระอาจารย์ขาว เป็นเจ้าอาวาส อย่างเป็นทางการ

5 เม.ย.2566 เกิดเหตุการณ์ชายชุดดำบุกวัด

เรื่องราวเกิดขึ้นต่อเนื่อง ภายหลังพระอาจารย์ขาวเริ่มเข้าไปตรวจสอบประเด็นทุจริต 100 กว่าล้าน ก็ถูกกลุ่มคณะกรรมการวัดและคนสนิทของเจ้าอาวาสรูปเดิมต่อต้าน ขับไล่รวมถึงเหตุการณ์ชายชุดดำที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ประกอบกับมีผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไปสนิทกับผู้ใหญ่ เข้ามาคุมภายในวัดบางคลาน จึงเข้าวัดไม่ได้

เพื่อให้ความเป็นธรรมอีกฝ่าย ทีมข่าวช่อง8 เดินทางไปที่วัดบางคลาน ซึ่งยังมีกลุ่มลูกศิษย์ ของเจ้าอาวาสรูปเดิมอยู่ รวมถึงหญิงคนหนึ่งที่ถูกพาดพิงด้วย

เมื่อสอบถามหญิงคนดังกล่าว ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ให้ข้อมูล บอกสั้นๆ ยืนยันว่าในคณะกรรมการวัดชุดตัวเองรวมถึงเจ้าอาวาสรูปเดิมที่มรณภาพไปแล้วนั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินวัดโดยเด็ดขาด

ส่วนเรื่องเหตุการณ์ชายชุดดำนั้น หญิงคนดังกล่าว บอกว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจจะเป็นการจัดฉากจ้างคนมาทะเลาะกันเอง เพื่อจะไล่คนที่เคยบริหารดูแลวัดออกไปแล้วเอารูปใหม่เข้ามา เชื่อว่าน่าจะเป็นเกมการเมือง

ขณะที่รายการทรัพย์สิน ที่คาดว่าหายไปจากวัดบางคลาน 161 ล้านบาท

1.เงินสร้างวัตถุมงคลหลวงพ่อเงินรุ่น555 รวม 45 ล้าน
2. บัญชีเงินฝากของวัด หายไป 95 ล้าน
3. พบการสลับเงินในบัญชีวัด หายไป 6 ล้าน
4. บัญชีรายรับรายจ่ายหายไป 15 ล้าน

จากแนวทางการสืบสวนสอบสวน ทราบว่า ชายชุดดำได้รับโทรศัพท์ ผู้ใหญ่ผู้สั่งการท่านหนึ่ง โดยตำรวจไปตรวจสอบโทรศัพท์ และพบว่าวันที่ชายชุดดำบุก มีผู้ใหญ่เป็นผู้สั่งการมีโทรศัพท์เข้าออก และหลังจากนั้นชายชุดดำก็บุกเข้าวัดบางคลาน และตำรวจมีหลักฐานหลังจากบุกแล้ว ปรากฏว่าชายชุดดำไปนั่งกินข้าวกับผู้ใหญ่บางคน โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ส่วนเจ้าอาวาสวัดบางคลานรูปปัจจุบัน ไม่เข้าวัด ปี 2561 เกิดกระแสต่อต้านจนต้องออกจากวัด ปี2566ขอจำวัดนอกพื้นที่ รวมประมาณ 5 ปี

ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณพร ซึ่งอยู่วัดมาตั้งแต่ปี 2518 และได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการวัดตั้งแต่ปี 2543 โดยคุณพร บอกว่า ความขัดแย้งเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเจ้าอาวาสรูปเดิมพระอาจารย์สลิด และในฐานะเป็นคนในวัด ก็เป็นคนไปร้องเรียนพระอาจารย์สลิดด้วยที่เกี่ยวข้องกับเงินวัด

ด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า จากกรณีดังกล่าวได้ออกหมายจับ ผู้ก่อเหตุแล้ว 19 คน ซึ่งติดตามจับกุมได้หมดแล้ว และจากการซักถาม ก็บอกว่ามีผู้ใช้ให้เข้าไปก่อเหตุ ซึ่งทางตำรวจก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนมั่นใจและไปขอศาลจังหวัดพิจิตรออกหมายจับผู้ใช้(ผู้สั่งการ) ซึ่งศาลได้พิเคราะห์แล้วว่า ผู้ที่ถูกขอออกหมายจับ มีหลักฐานที่พักชัดเจน เป็นหลักแหล่ง จึงเปลี่ยนให้ออกหมายเรียกแทน ซึ่งจะให้มาพบพนักงานสอบสวน สภ.โพทะเล ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้

พลตำรวจเอกสุระเชษรฐ์ ระบุว่ายืนยันมีหลักฐานชัดเจน ซึ่งหากหมายเรียกในครั้งแรกไม่มาก็จะดำเนินการตามขั้นตอนการขอหมายจับ

ส่วนเมื่อถามว่ากรณีนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่นั้น เพราะก่อนหน้านี้ ผู้ถูกออกหมายเรียกมีประเด็นในเรื่องการโหวตไม่โหวตนายกรัฐมนตรี โดยพลตำรวจเอกสุรเชรษฐ์ ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะคดีดังกล่าว ตนเองได้รับมอบหมายให้ดำเนินการมาตั้งนานแล้วหลายปี ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอีกด้วยซ้ำ

ชายชุดดำแฉผู้บงการ