เดือด! สาวสอบติดเภสัชฯ เจาะเลือดเจอสารยาบ้า อึ้งกินแค่ยาผิวขาว แบรนด์โต้สารพิษโลละล้านไม่ใส่
แม่วัย 45 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เครียดหลังลูกสาววัย 19 ปี ตรวจโรคเพื่อเตรียมเข้าเรียนคณะเภสัชศาสตร์ ม.ขอนแก่น แต่ไปเจอสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ ไม่รับรองการเข้าเรียน โดยแม่ลูกยืนยันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มั่นใจกินยาผิวขาวที่สั่งซื้อมาทางเน็ต แล้วกินก่อนไปตรวจสุขภาพ
วันที่ 28 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า อยากให้เป็นสื่อกลางในการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง เพราะมั่นใจว่ามีส่วนผสมสารเมทแอมเฟตามีน จากการตรวจสอบ พบแม่ของนางสาวบี อายุ 19 ปี ได้นำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อหนึ่งมาให้ดู พร้อมกับผลการตรวจร่างกายของลูกสาว จากแพทย์โรงพยาบาลนางรอง อ.นางรอง ว่าในปัสสาวะพบสารเมทแอมเฟตามีน
แม่ของนางสาวบี กล่าวว่า ลูกสาวสอบติดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เตรียมเข้ามอบตัวในวันที่ 30 พ.ค. นี้ แต่ตามระเบียบจะต้องมีใบยืนยันการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลมาแนบด้วย
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนางรอง อ.นางรอง ปรากฏว่า หมอระบุพบสารเมทแอมเฟตามีนเป็นสารชนิดเดียวกันกับยาบ้าอยู่ในปัสสาวะ แพทย์ไม่สามารถออกใบรับรองการตรวจสอบให้ได้
เมื่อมาวิเคราะห์กับลูกสาวแล้ว มั่นใจว่าสาเหตุที่พบสารแอมเฟตามีนในร่างกาย คือ การกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเสริมผิวขาว ยี่ห้อหนึ่งที่สั่งซื้อมาจาก TikTok อย่างแน่นอน เพราะไม่เคยกินผลิตภัณฑ์อื่นมาก่อน
ตนเลี้ยงลูกมาตั้งแต่เล็ก เป็นเด็กเรียน ไม่เกเร และมั่นใจว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแน่นอน ตอนนี้ยอมรับว่าเครียด เพราะจะต้องนำผลการตรวจร่างกายไปประกอบการมอบตัว
ส่วนตัวแปลกใจมากว่าผลิตภัณฑ์นี้ ระบุเลขทะเบียน อย.ชัดเจน มีแหล่งที่มาชัดเจน แล้วทำไมต้องมีสารอันตรายผสมอยู่ด้วย ถ้าลูกสาวไม่สอบติดเภสัช ก็คงจะไม่ไปตรวจร่างกาย และไม่เจอสารนี้ แล้วคนอื่นๆ ที่สั่งซื้อไปอีกกว่า 1 ล้านกระปุก ตามคนขายอ้างยอดขายที่โฆษณาไป คงไม่มีใครรู้อย่างแน่นอนว่าในอาหารเสริม มีสารยาบ้า
ด้านตัวแทนบริษัทผลิตภัณฑ์เสิรมอาหารดังกล่าว ได้ติดต่อมาหาแม่ของนางสาวบีแล้ว ระบุว่า เท่าที่ทราบสารแอมเฟตามีน มีราคาสูงกิโลกรัมละเป็นล้านบาท บริษัทไม่นำมาผสมในผลิตภัณฑ์อย่างแน่นอน หากพบสารฯ ในตัวผลิตภัณฑ์จริง น่าจะเป็นของปลอมที่มีการลอกเลียนแบบขึ้นมา บางรายกินอาหารเสริมยี่ห้ออื่นที่เป็นของปลอม ถึงกับชีวิตมาแล้ว ทั้งนี้ทางบริษัทพร้อมให้คำแนะนำหรือหาแนวทางช่วยเหลือลูกสาวที่จะไปมอบตัวเรียนต่อ
โดยเท่าที่ประสานติดต่อกับผู้ขาย มีการโทรศัพท์คุยกันหลายขั้นตอน รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเอง ได้ยืนยันมาก่อนหน้านี้แล้วว่าเป็นของจริง ส่วนลูกสาวไม่ได้กินยาชนิดอื่น หรืออาหารเสริมอื่นมาก่อน กินอาหารเสริมชนิดนี้เพียงเม็ดเดียวตอนกลางคืนก่อนจะไปตรวจร่างกายในเช้าวันถัดมา
ยอมรับว่า ตอนนี้ยังกังวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเข้าไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ประโคนชัย โดยจะทำทุกอย่างเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะก่อนหน้านี้ไปตรวจร่างกายเพื่อส่งเอกสารไปยังมหาวิทยาลัยแล้ว 3 ครั้ง ไม่เคยเจอสารนี้ ก่อนจะมากินเม็ดเดียวดังกล่าว
ขณะที่ น.ส.บี เล่าว่า ตนซื้อผลิตภัณฑ์นี้ทาง TikTok จากที่เพื่อนแนะนำ หลังจากเกิดเรื่องได้นำอาหารเสริมไปให้คนขายดู และแม่ทีมยืนยันว่าที่ตนมีอยู่เป็นของจริง ไม่ใช่ของปลอมตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจจะได้ของปลอม ตอนนี้เครียดมากเพราะจะต้องไปมอบตัวในวันที่ 30 พ.ค.นี้
เบื้องต้นสาธารณสุขจังหวัดจะนำผลิตภัณฑ์ที่เหลือพร้อมปัสสาวะของน้อง ส่งตรวจไปยังศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต 9 นครราชสีมา ไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะต้องรอผลก่อนจึงจะสรุปได้ไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์
ขณะที่ น.ส.จิรณัฏฐา อายุ 24 ปี พนักงานขายอาหาร ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของ น.ส.บี กล่าวว่า น้องมาสมัครทำงานกับทางร้านเพื่อหารายได้พิเศษ เท่าที่เห็นไม่เชื่อว่าน้องจะไปเสพยาบ้า หรือยาเสพติดอื่น เพราะไม่มีอาการเหมือนที่เคยเห็นคนติดยามา ตรงกันข้ามน้องเป็นคนขยัน ช่วยทำงานดี ประกอบกับพ่อแม่จะมารับส่งทุกวัน โอกาสที่น้องจะไปเสพยาดูแล้วแทบจะตีเป็นศูนย์ หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจมาก
ด้าน ผศ.ดร.นรินทร์ จันทร์ศรี คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ ม.ขอนแก่น ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ตามที่มีข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อโซเชียลในวันนี้ (28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566) ว่ามีนักเรียนชั้น ม.6 สอบติดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ผลการตรวจร่างกายพบสารต้องห้าม จึงถูกตัดสิทธิ์เข้าศึกษานั้น
ทางคณะขอชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบว่า ตามกำหนดการสอบสัมภาษณ์ TCAS 3 ซึ่งคณะเภสัชศาสตร์ได้กำหนดเป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 และได้ให้นักเรียนที่มีสิทธิสอบสัมภาษณ์ยื่นผลการตรวจร่างกายในวันสอบด้วย ซึ่งทางคณะยังไม่ได้ดำเนินการสัมภาษณ์หรือตัดสิทธิผู้เข้าสอบคนใดทั้งสิ้น เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่กำหนด และยังไม่ปรากฏผู้มีสิทธิเข้าสอบหรือผู้ปกครองท่านใด ที่มาขอหารือเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในการสอบสัมภาษณ์ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถ้าปรากฏว่ามีผู้เข้าสอบที่ผลการตรวจร่างกายไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ทางคณะจะขอให้ไปตรวจร่างกายซ้ำเพื่อยืนยันผลที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นต่อไป โดยไม่ได้ตัดสิทธิการเข้าเรียนทันที"