หนุ่มพกปืนปลอมขู่อริ เจอปืนจริงสวนแบกร่างตายต่อหน้าคน ญาติถาม "ใจเอ็งคิดอะไร"
จากกรณีเมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 27 พ.ค. 66 พ.ต.ต.ไพฑูย์ พันธุ์กล้วยไม้ สารวัตรสอบสวน สภ.เสาไห้ จ.สระบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกัน บริเวณตึก 5 ชั้น ทางเข้าวัดไผ่ล้อม หมู่ที่ 1 ต.สวนดอกไม้ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี จึงไปที่เกิดเหตุ พร้อมอาสากู้ภัยสว่างรัตนตรัย สระบุรี และกองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระบุรีเข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่า พบนายสุวิทย์ อายุ 31 ปี มีอาชีพขับรถบรรทุกน้ำมัน ถูกยิงเข้าท้องทะลุหลัง 1 นัด และที่แขนซ้ายอีก 2 นัด นอนหายใจรวยรินอยู่ที่ใต้ตึกซึ่งเป็นที่จอดรถ ข้างตัวพบอาวุธปืนบีบีกัน 1 กระบอก ประสานรถกู้ชีพ ร.พ.เสาไห้ นำผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง ร.พ.เสาไห้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้หนีไปไหน ยังอยู่ในห้องเช่าของตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ ทราบชื่อ ว่าที่ร้อยตรีภิรวัฒน์ อายุ 41 ปี มีอาชีพขับรถบรรทุกน้ำมัน และยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองบัว จ.กาฬสินธุ์ อีกด้วย
เบื้องต้นทราบว่า นายสุวิทย์ (ผู้ตาย) ได้ขับรถเก๋งมาหาว่าที่ร้อยตรีภิรวัฒน์ (ผู้ก่อเหตุ) ที่ห้องเช่า พร้อมท้าทายให้ผู้ก่อเหตุออกมา ผู้ก่อเหตุจึงเปิดประตูออกมา ผู้ตายได้ใช้ปืนบีบีกันที่พกมาเล็งไปผู้ก่อเหตุ ทำให้ผู้ก่อเหตุใช้ปืน 9 มม. แบบแม็กกาซีน ยิงสวนผู้ตาย 3 นัด กระสุนเข้าที่ท้อง 1 นัด และถูกที่แขนซ้ายจำนวน 2 นัด กระสุนยังพลาดไปโดนรถเก๋งของผู้ก่อเหตุทะลุเป็นรู
จากการสอบถามว่าที่ร้อยตรีภิรวัฒน์ (ผู้ก่อเหตุ) บอกว่ามีคนจ้างนายสุวิทย์ (ผู้ตาย) มาทำร้ายตน แต่ไม่รู้ว่าใครจ้างมา
โดยภาพจากกล้องวงจรปิด จะเห็นว่านายสุวิทย์ ผู้ตาย ได้ขับรถเข้ามาผ่านกล้องที่หน้าปากซอย ในเวลา 20.19 น. แล้วก็จะมีกล้องอีกตัวที่ติดอยู่ใต้ตึก จะเห็นว่าเวลาเดียวกันนั้น นายสุวิทย์ ขับรถเข้าที่ใต้ตึกแล้วก็ถอยรถเข้าซอง ก่อนจะเดินลงไปถามหา นายภิรวัฒน์ แล้วก็เดินวนไปวนมาอยู่ประมาณ 4 นาที ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องของนายภิรวัฒน์ ซึ่งจุดที่ถูกยิงไม่มีกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ แต่จะเห็นเหตุการณ์จากกล้องที่ใต้ตึกว่า หลังนายสุวิทย์ ถูกยิง เขาวิ่งกุมหน้าท้องมาล้มลงตรงข้างเสา แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งพิงเสา โดยไม่มีใครรู้ว่านายสุวิทย์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 2 นาที จะเห็นว่าชาวบ้านที่เห็น เดินเข้ามาดูอาการของนายสุวิทย์ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามายังที่เกิดเหตุและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ
ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนายนนท์ (นามสมมติ) ชาวบ้านในชุมชน ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองเพิ่งทราบข่าวว่า นายภิรวัฒน์ หรือ สท.กล้วย ไปก่อเหตุ ยิงคนเสียชีวิตมา ยอมรับว่าตกใจมาก คิดไม่ถึงว่า สท.กล้วย จะไปก่อเหตุแบบนั้น เพราะปกติแล้ว สท.กล้วย เป็นคนนิสัยดี ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พบนางพอลล่า อายุ 48 ปี แม่บ้านประจำห้องเช่าที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งขายของอยู่ในร้าน ประมาณ 20.30 น. เห็นนายสุวิทย์ (ผู้ตาย)ได้ขับรถเก๋ง สีขาวมาจอดบริเวณใต้ตึก จากนั้นนายสุวิทย์ (ผู้ตาย) ได้เดินมาถามตนเองว่า นายภิรวัฒน์ อยู่ห้องไหน ชั้นอะไร ตนเองก็ตอบไปว่าไม่รู้ เนื่องจากไม่ได้สนใจว่าใครอยู่ห้องไหน
จนกระทั่งนายสุวิทย์ ก็เดินไปหาห้องนายภิรวัฒน์เองจนได้ไปเจอกัน แต่นายภิรวัฒน์ไม่ยอมเปิดประตูห้องให้ ทำให้นายสุวิทย์ได้ตะโกนท้านายภิรวัฒน์ บอกว่ามึงออกมา แล้วก็พยายามพังประตูห้องเข้าไป ด้วยความตกใจ ตนเองก็เลยโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ แต่ปรากฏว่าวางสายจากตำรวจไม่ถึงนาที ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด กระทั่งเห็นนายสุวิทย์ วิ่งหนีออกมาล้มลงกับพื้นต่อหน้าต่อตา ส่วนายภิรวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ ก็ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ
ส่วนตัวยอมรับว่า ตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่รู้ว่าปมเหตุที่เขามายิงกันคือเรื่องอะไร ซึ่งนายภิรวัฒน์ มาเช่าห้องอยู่ที่ตึกได้ประมาณ 3 เดือน เป็นคนอัธยาศัยดี ไม่เคยมีปัญหากับคนในตึก ส่วนนายสุวิทย์ ผู้ตาย ก่อนหน้านี้เคยมาเช่าห้องอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน แต่ได้ย้ายออกไปก่อนจะเกิดเหตุ เนื่องจากต้องย้ายไปประจำอยู่ที่ทำงานใหม่ในอำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ด้านนายเชิด ลุงของคนตาย ในฐานะที่เคยเลี้ยงในสมัยเด็กแต่ตอนโตได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เปิดเผยว่า ตนเองเพิ่งทราบเรื่องว่านายสุวิทย์ ถูกยิงตาย ซึ่งเข้าใจว่าหลังจากที่เกิดเหตุน่าจะมีการประสานไปยังแฟนสาวที่คบหากันอยู่ และรวมถึงอาอีกคน แต่ฟังตนเองไม่ทราบเรื่อง เพิ่งจะทราบตอนที่ทีมข่าวเข้ามาที่บ้าน
แต่ช่วงปัจจุบัน นับตั้งแต่นายสุวิทย์โตเป็นหนุ่ม ก็ย้ายไปทำงานอยู่ที่อื่นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ทำให้ตนเองไม่รู้จักนิสัยและไม่รู้ว่าไปมีเรื่องอะไรกับใคร เคยแต่เลี้ยงสมัยตอนเป็นเด็กและจบโรงเรียนมัธยมในพื้นที่ จากนั้นพ่อของนายสุวิทย์ก็เอาไปฝากกับบริษัทรถบรรทุก จากนั้นก็ไม่ค่อยเจอกับเจ้าตัวอีกเลย จนกระทั่งพ่อของนายสุวิทย์เสียชีวิตก็ทำให้ญาติฝั่งนี้กับตัวนายสุวิทย์ก็ห่างกันออกไป แต่ในสมัยเด็กเจ้าตัวก็ไม่ใช่คนเกเรหรือไปมีเรื่องอะไรกับใคร ก็เป็นเด็กตามปกติ
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็คงไม่ติดใจหรือไปตั้งข้อสังเกตอะไร เพราะมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือการดำเนินคดีตามกฎหมายของตำรวจ หากฟังอาที่ยังติดต่อพูดคุยกับนายสุวิทย์ก่อนตายได้ สงสัยหรืออยากจะให้ตำรวจดำเนินการอย่างไรก็ให้เป็นหน้าที่ของอา กับแฟนสาว แต่ส่วนตนเองก็ให้ว่าไปตามกระบวนการ
ทั้งนี้ตนเองทราบว่า การก่อเหตุของฝั่งคู่กรณีเป็นการใช้อาวุธปืนจริง แต่ส่วนฝั่งของหลานตนเองใช้ปืนปลอม ส่วนตัวก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะทำแบบนี้ “ใจมันไม่ได้ ปืนปลอมไปสู้เขาก็ต้องตาย” ส่วนตัวฟังข่าวก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเอาปืนปลอมไปสู้ปืนจริง แต่ทั้งนี้ก็คงไม่ลงรายละเอียดเพราะถือว่า เป็นเรื่องส่วนตัวและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับคู่กรณี
ด้านตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เสาไห้ พร้อมแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา