ส่งฟ้องไม่ทัน! "นิ่ม" รอดคุกพ้อชีวิตถูกสังคมตราหน้า ปู่เชื่อ "น้องต่อ" ยังไม่ตาย
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ความคืบหน้าคดี"น้องต่อ" อายุ 8 เดือน ที่หายตัวไปอย่างปริศนา ตั้งแต่ก.พ. จนถึงตอนนี้ยังไร้วี่แวว ภายหลังตำรวจ สภ.บางหลวง จ.นครปฐม ดำเนินคดีกับนายพุดและนายแจ้ โดยนายพุด ถูกแจ้งข้อหาเป็นธุระจัดหาให้กระทำการค้าประเวณี โดยได้พาน.ส.นิ่ม ภรรยา ไปขายบริการให้กับเพื่อนพ่อ ส่วนนายแจ้ โดนแจ้ง 2 ข้อหา กระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีและพรากผู้เยาว์นั้น
ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่านางสาวนิ่ม ซึ่งเป็นแม่ของน้องต่อ ยอมสารภาพแล้วว่า เป็นคนนำลูกไปทิ้งลงแม่น้ำ โดยผลการเข้าเครื่องจับเท็จ ก็พบว่านางสาวนิ่มให้การเท็จทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ส อดคล้องกับผลตรวจสุขภาพจิตจากโรงพยาบาลตำรวจ ที่ยืนยันว่าไม่ได้มีการป่วยทางจิตแต่อย่างใด ดังนั้นผลการตรวจโดยเครื่องจับเท็จก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสามารถนำมาประกอบสำนวนได้ เนื่องจากให้การไม่เป็นความจริง
ศาลเยาวชนจังหวัดนครปฐม นัดพิพากษา นางสาวนิ่มแม่น้องต่อ ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดี กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ปืนถึงแก่ความตาย ล่าสุดศาลได้ปล่อยตัว “นิ่ม” เนื่องจากอัยการส่งสำนวนในการสั่งฟ้องไม่ทันตามกำหนดเวลา 90 วัน พร้อมกับคืนเงินประกันตัว พร้อมกันนี้อัยการยังได้เรียกนิ่มเข้าเพิ่มเติม ก่อนที่จะพิจารณาจะส่งฟ้องอีกครั้งหรือไม่
เมื่อถึงเวลานัด มูลนิธิวิน วินพา น.สนิ่มเข้าไปเซ็นชื่อรับเลื่อนนัด ในการพิพากษา จากนั้นเดินเรื่องขอรับเงินประกัน 9,000 บาทคืน โดย น.ส ชลิดา พะละมาตย์ ประธานที่ปรึกษามูนิธิวินวิน เปิดเผยว่าวันนี้เดินทางมาตามกำหนดของศาล แต่เพิ่งจะได้รับแจ้งว่า อัยการไม่ได้ส่งสำนวนสั่งฟ้อง ทำให้ตอนนี้ เกินกำหนด 90 วัน ในการผัดฟ้อง ที่เยาวชนหญิงจะอยู่ในความดูแลของศาล จึงต้องเดินเรื่องขอเงินประกันคืน ปล่อยตัวเป็นอิสระ หลังจากนี้จึงไม่ต้องเข้ามารายงานตัว และไม่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขใดๆของศาล
ส่วนสาเหตุ ที่อัยการเยาวชนและครอบครัว จังหวัดนครปฐม ไม่สามารถส่งสำนวนสั่งฟ้องได้ตามกำหนด เนื่องจากอัยการได้สั่งสอบเพิ่มเติม 5 ประเด็น โดยพนักงานสอบสวน จะส่งกลับไปให้อัยการ ภายในศุกร์ นี้ จากนั้นอัยการ จะตั้งเป็นรูปคณะ เพื่อส่งให้อธิบดีอัยการ ภาค 7 วินิจฉัยและสั่งการ เนื่องจากมองว่า เป็นคดีที่น่าสนใจ และมีความสลับซับซ้อน โดยได้นัดอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ค.66 เวลา 09.00 น. เพื่อพิจารณาว่าจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่
ขณะที่ น.ส นิ่ม เปิดเผยว่า วันนี้เมื่อรู้ว่าศาลจะมีการนัดพิจารณาเพื่อฟังคำพิพากษาคดี ตนเองก็มีความเครียดและกังวลอยู่บ้าง ซึ่งก็ได้เตรียมใจไว้แล้วหากศาลจะลงโทษ เมื่อถูกเข้าไปอยู่ในสายไปนิดก็ต้องมีการปรับตัว แต่เมื่อมาทราบว่าศาลได้มีการผัดฟ้อง ซึ่งตนไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องกระบวนการ ยุติธรรมจึงทำตัวไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรต่อไป ยอมรับว่าตนเองยังคงให้การรับสารภาพเหมือนเดิมไม่ได้กลับคำให้การแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องที่ตนยังคงมีความกังวลใจคือเรื่องของภาพลับในแชตที่หลุดเผยแพร่ออกสื่อไป ตนจึงอยากขอวิงวอนให้ผู้ที่มีภาพ ช่วยลบภาพดังกล่าว รวมถึงสื่อที่นำภาพนั้นไปลงใน สังคมออนไลน์ขอให้ลบออกด้วย เพราะเกรงว่าจะทำให้อนาคตของตนเอง จะอยู่ในสังคมด้วยความลำบาก โดยตนได้ คิดวางแผนถึงอนาคตหลังจากเสร็จสิ้นเรื่องคดีความไว้ว่าตั้งใจจะกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง แต่หลังจากนี้ ตนเองก็รอว่าอัยการจะมีคำสั่งฟ้องอีกครั้งหรือไม่
ส่วนนายพุด อดีตสามีขณะนี้ยังอยู่ภายในเรือนจำ ซึ่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตนเองพร้อมกับพ่อเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมนายพุดและได้มีการพูดคุยถึงเรื่องลูก (น้องต่อ) ซึ่งนายพุดได้มีการถามตนเองว่า เจอร่างหรือชิ้นส่วนของลูกชายหรือไม่ เพราะนายพุดยยังคงคิดถึงน้องต่ออยู่
ทีมข่าวช่อง8ลงพื้นที่กลับไปยังบ้านของน้องต่อ ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุตามที่รับรายงานว่าน้องต่อหายตัวไป โดยที่บ้านหลังดังกล่าว มีเพียง นายสุบิน ปู่ของน้องต่อ อาศัยอยู่กับหลานๆ เพราะเนื่องจากนางจำเนียร ทองทับใหญ่ ย่าของน้องต่อย้ายไปอยู่บ้านอีกหลัง หลังเกิดเหตุไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกันแล้ว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสุบิน ปู่ของน้องต่อ ส่วนตัวยังเชื่อว่า น้องต่อยังมีชีวิตอยู่ ความเชื่อว่า ตัวของนางสาวนิ่มยังมีการให้การเท็จ ไม่ได้ทำน้องต่อหล่น และไม่ได้อุ้มไปโยนทิ้งสะพานตามที่มีการให้การ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็คงเจอศพไปแล้ว ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไร เพราะยังเชื่อว่าน้องต่อมีชีวิตอยู่ อาจเป็นเพราะพาน้องต่อไปให้กับใครคนอื่นหรือไม่ ฉะนั้นถ้าหากยอมรับแล้วนำน้องมาคืน ตนเองก็พร้อมที่จะให้อภัย และที่สำคัญวันนี้ตัวของนางสาวนิ่มก็ไม่ได้มีคดีความหรือเป็นผู้ต้องหา ตนเองก็พร้อมที่จะให้โอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน แต่ขอเพียงอย่างเดียวย้ำว่าต้องพูดความจริง