สำนักธรรมโต้ขังนักข่าว โชว์ท่าหาของแค่ลูบล้วง พระพยอมชี้แก้กรรมละก่อกรรม

กรณีสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาพุทธะสถานคลายทุกข์ จ.นนทบุรี ที่ทีมข่าวช่อง 8 เคยไปที่หน้าสำนัก เพื่อติดตามเรื่องที่มีผู้กล่าวอ้างว่า ในสำนักนี้มีผู้ปฏิบัติธรรมสามารถเชิญวิญญาณมาคุยกับญาติได้ แต่ปรากฏว่า ทันทีที่ไปถึงก็พบว่ามีนักข่าวอีกช่องหนึ่งอยู่บริเวณด้านใน ต่อมาตำรวจ สภ.ไทรม้า ได้นำตัวนักข่าวช่องนั้นออกมา และมีการเปิดเผยเหตุการณ์ว่า ตนเองและทีมข่าวถูกคนในสำนักปฏิบัติธรรมล้อมเอาไว้ มีการตรวจร่างกาย และตรวจโทรศัพท์มือถือ ไม่ยอมปล่อยตัว จนต้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจ เนื่องจากทางสำนักปฏิบัติธรรมเข้าใจผิดว่าจะเข้าไปทำอันตราย

ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่สำนักปฏิบัติธรรมดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพบกับลูกศิษย์ของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งได้มาพูดคุยกับทีมข่าวที่บริเวณด้านหน้าประตูรั้วของสำนักปฏิบัติธรรม แต่บอกว่า “หลวงพ่อไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ เพราะจากที่เมื่อคืนทีมข่าวได้เผยภาพข่าวออกไป จึงไม่อยากให้สัมภาษณ์สาดโคลนใส่กัน โดยยังได้บอกทีมข่าววันนี้ว่า “คุณจะอัดเสียงผมก็ได้”

ขณะที่ลูกศิษย์สำนักปฎิบัติธรรมก็ไม่พอใจที่ทางทีมข่าวช่อง8 มีการเผยแพร่ภาพในลักษณะที่คนในสำนักปฏิบัติธรรมล้อมตัวนักข่าวช่องไว้บริเวณด้านใน ตอนแรกตนคิดจะฟ้องช่อง8 แต่หลวงพ่อพูดให้สติตนก็เลยเปลี่ยนใจไม่ฟ้อง

ต่อมามีลูกศิษย์อีกคนเดินออกจากสำนักปฎิบัติธรรมและเข้ามาบอกทีมข่าวว่า หลวงพ่ออนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปพูดคุยเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและอนุญาตให้เข้าบริเวณด้านใน แต่จะอัดวิดีโอสัมภาษณ์ ทางทีมข่าวต้องไปขออนุญาตหลวงพ่อด้านในอีกครั้งก่อน ต่อมาลูกศิษย์ก็พาทีมข่าวเดินเข้าไปด้านในโดยยังไม่อนุญาตให้ถือกล้องเข้าไปด้วย

ขณะที่ทีมข่าวเข้าไปด้านใน เราได้พบกับพระกฤษ กิจจสาโร เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมวิปัสสนาพุทธะสถานคลายทุกข์ และได้มีการนั่งพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงดึกที่ผ่านมา ระหว่างที่พูดคุยพระอาจารย์ให้ทีมข่าวถอดหน้ากากอนามัยเปิดเผยใบหน้าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากนั้นมีการถ่ายบันทึกภาพทีมข่าวที่ได้พูดคุยด้วยตลอด ซึ่งมีลูกศิษย์บางส่วนก็อัดคลิปวีดีโอไว้ตลอดเช่นกัน ตลอดที่ทีมข่าวอยู่ด้านใน แต่ไม่อนุญาตให้ทีมข่าวบันทึกภาพพระอาจารย์หรือถ่ายทำสถานที่ด้านใน

ต่อมาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมฯ ยินยอมให้ทีมข่าวสัมภาษณ์แต่ไม่ให้ถ่ายบันทึกวิดีโอ ให้เพียงบันทึกเสียงสัมภาษณ์เจ้าสำนักไว้เท่านั้น โดยเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงดึกที่ผ่านมา นักข่าวอีกช่องเดินทางมาที่สำนักปฏิบัติธรรมช่วง 19.00 น. ของวันที่ 30 พฤษภาคม ยืนยันเป็นการบุกรุกเข้ามาในสถานที่ยามวิกาล ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะอ้างว่าเดินเข้ามาในสำนักปฏิบัติธรรมจากประตูด้านข้าง และได้ขออนุญาตเข้ามาในสถานที่กับผู้ปฏิบัติธรรมแล้วก็ตาม

โดยเจ้าสำนักยืนยันว่า หากจะเข้ามาในต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่สำนักปฏิบัติธรรมหรือเจ้าสำนักเท่านั้น ซึ่งที่ทีมข่าวช่อง 8 ขออนุญาตเข้าไปในสถานที่และขอสัมภาษณ์ครั้งนี้คือถูกต้องตามกฎระเบียบของสำนัก

ส่วนเหตุการณ์ที่นักข่าวอีกช่องร้องไห้ และอ้างว่าทางสำนักปฏิบัติธรรมมีการล้อมตัวไม่ปล่อยออกมา และมีการตรวจค้นร่างกายไม่เป็นความจริง เพราะระหว่างที่นักข่าวอีกช่องเข้ามาเมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา มีการคะยั้นคะยอขอสัมภาษณ์เจ้าสำนัก โดยที่ช่วงนั้นเจ้าสำนักอยู่ระหว่างนำผู้ปฏิบัติธรรมสวดมนต์ปฏิบัติธรรม ซึ่งมีลูกศิษย์คนหนึ่งได้พูดคุยกับรองผู้อำนวยการช่องดังกล่าวทางโทรศัพท์ ซึ่งปลายสายบอกว่า “ไปเรียกหลวงพ่อมาพูดคุยด้วยหน่อย” ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทางลูกศิษย์จึงขอให้รอเจ้าสำนักนำสวดมนต์เสร็จแล้วจะมาพูดคุยกับนักข่าวช่องนั้น ซึ่งยังไม่ได้มีการอนุญาตให้บันทึกวิดีโอด้านใน แต่ทางลูกศิษย์เห็นพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายกับการแอบบันทึกภาพวิดีโอด้านในจึงขอตรวจค้น

ตอนนั้นนักข่าวช่องนั้นมีท่าทีกระวนกระวายและขอกลับก่อน แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมเพราะตอนนั้นคาใจว่ามีการแอบบันทึกภาพหรือไม่จึงยืนยันขอตรวจค้น เมื่อตรวจสอบก็พบว่าไม่เห็นภาพบันทึกวิดีโอไว้ในกล้อง จึงขอความร่วมมือให้รอพูดคุยกับเจ้าสำนักก่อนที่จะออกไป คาดว่าอีกฝ่ายคงคิดว่าเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวจึงแจ้งตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทางสำนักปฎิบัติธรรมยืนยันเป็นเพียงขอความร่วมมือนักข่าวช่องนั้นให้คุยกับเจ้าสำนักก่อนถึงจะกลับออกได้

ทั้งนี้ตนและลูกศิษย์ไม่พอใจที่ช่อง 8 ไปออกข่าว ลักษณะเข้าข้างคนอาชีพเดียวกัน ซึ่งการไปร้องไห้และพูดในลักษณะที่ถูกคนในสำนักปฏิบัติธรรมล้อมเอาไว้ก็ไม่เป็นความจริง ตอนนี้กำลังหารือกันว่าจะฟ้องช่อง 8 หรือไม่ ที่ออกข่าวทำให้ทางสำนักปฏิบัติธรรมเสียชื่อเสียง ชี้ปัจจุบันมีสื่อเทพและสื่อมารให้ระวังกรรมจะตกที่ตน

ในส่วนคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีหญิงแต่งชุดขาวแล้วมีลักษณะคล้ายร่างทรง ตอบคำถามคนที่มาสำนักปฏิบัติธรรมเพื่อคลายทุกข์ มีวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่คือ 1.ให้ความรู้เรื่องกรรมที่คนเคยทำไปด้วยเจตนาและไม่เจตนา 2.จะทำอย่างไรให้กรรมยุติต่อกัน ไม่ให้ทั้งคนและวิญญาณเดือดร้อน ก็เลยต้องมีการเจรจา โดยมีหลวงพ่อที่เป็นเจ้าสำนักเป็นกรรมการ ที่ฟังระหว่างคนร้องทุกข์ที่เข้ามา และหญิงลูกศิษย์ที่สามารถสื่อกับพลังงานลี้ลับได้

ยืนยันหากจะให้ตอบว่าวิญญาณและเทวดามีจริงหรือไม่เป็น

เรื่องยากที่พิสูจน์ได้ แต่อยากให้มองที่ผลลัพธ์หลังแต่ละคนที่มีปัญหาทุกข์พอมาที่สำนักปฎิบัติธรรม แล้วได้แนะนำวิธีแก้ไข ส่วนใหญ่ชีวิตดีขึ้น

ขณะที่ ทางเพจเฟซบุ๊กของสำนักปฏิบัติธรรมมีความเคลื่อนไหว โดยโพสต์คลิปเหตุการณ์ พิธีที่พระกฤษพูดคุยกับนางเศรษฐีวรรณ ซึ่งมีอาการคล้ายร่างทรง อ้างว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เรื่องกรรม ที่คนเคยทำไปด้วยเจตนาและไม่เจตนา และจะทำอย่างไรให้ยุติกรรมต่อกัน ไม่ให้ทั้งคนและวิญญาณเดือดร้อน

ด้านพระพะยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี บอกว่า เรื่องกรรมนั้นพระพุทธเจ้าสอนว่า ถ้าจะเชื่อเรื่องกรรมต้องเชื่อ 2 อย่างคือกรรมวาที วิริยะวาที เชื่อกรรมและเชื่อความเพียรที่อยู่เหนือกรรมให้ได้ด้วย ไม่ใช่ไปจำนนต่อกรรมและให้ใครต่อใครมาช่วยแก้กรรม ไม่อย่างนั้นคำที่ว่า กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง ผู้ทำอะไรไว้ก็ย่อมได้รับอย่างนั้นก็จะใช้ไม่ได้ จะมีใครมาวิเศษกว่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านั้นแก้กิเลสแก้ทุกข์ของตัวเองได้ แต่ไปแก้กรรมของคนอื่นไม่ได้

เพราะฉะนั้นเรื่องการแก้กรรมของสำนักนี้ที่มีแรงจูงใจจากร่างทรง สำนักปฏบัติธรรมมีร่างทรง มีสารพัดเทพ มีพญานาคเป็นการสร้างบรรยากาศให้ดูขลังดูศักดิ์สิทธิ์จึงมีคนหลงเชื่อ แต่แท้ที่จริงแล้วเรื่องการแก้กรรมตัดกรรมหมดสิ้นกรรมนั้นอยู่ที่การควบคุมผัสสะเวลาตาเห็นหูได้ยิน ให้รู้ว่าเห็นแล้วได้ยินแล้วอย่ารักอย่าชังอย่าวูบวาบไปกับมันแบบนี้กรรมจะไม่ต่อยอด เป็นวิธีแก้กรรมทางพระพุทธศาสนา แต่พิธีกรรมที่ต้องทำผ่านร่างทรงอย่างนี้แล้วไปส่งให้หลวงพ่อทำอย่างนั้นเป็นเรื่องของเกิดใหม่เป็น “ศาสนาเนื้องอก” เมื่อก่อนไม่มียิ่งในสมัยพุทธกาลยิ่งไม่มี ยุคนี้จึงเป็นยุคเกลื่อนกลาดศาสดา อยากจะทำตัวเป็นศาสดาใหม่มองว่าของเก่าไม่ดีไม่ขลังไม่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่หลักศาสนานั้นมีวิธีการฝึกตัดกรรมที่มีประสิทธิภาพนั่นคือการปฏิบัติธรรมไม่ใช่พิธีกรรมถึงจะพ้นกรรม

พระโต้จับนักข่าวขัง