ยิงเจาะหัวโจ๋ 14 เพื่อนอีก 2 โคม่า สื่อเจอพิรุธแก๊งขนปืน ญาติเชื่อมือยิงมีเกิน 1 คน
จากเหตุการณ์ที่เด็ก 3 คน มีการท้าทายกันผ่านเฟซบุ๊ก นัดเคลียร์ปัญหากัน ทำให้มีการตะลุมบอนกันระหว่างกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือกลุ่มบ้านดอนม่วงไข่ (กลุ่มผู้ก่อเหตุ) และกลุ่ม อ.เจริญศิลป์
คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 00.44 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.สว่างแดนดิน ว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นเกาะกลุ่มทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธปืนยิงกันที่บริเวณ ถนนสว่างแดนดิน - เจริญศิลป์ หมู่ 6 ต.บ้านถ่อน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ 1.นายทินนะพัน จันทศรี อายุ 15 ปี ถูกยิงท้ายทอย 1 นัด อาการบาดเจ็บสาหัส 2.ด.ช.วัชระ ก้อนจันทร์ อายุ 14 ปี ถูกยิงที่คอ บาดเจ็บสาหัส และ 3. ด.ช.ศักดินนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 14 ปี ถูกยิงที่ตาซ้าย 1 นัด ซึ่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายรัฐพงษ์ (ซิม) อายุ 16 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ภายหลังเกิดเหตุ พร้อมกับแจ้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร และยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร
หลักฐานต่อมาเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด
ภาพจากวงจรปิด 1 (ตอนกลุ่มผู้ก่อเกตุไปเติมน้ำมัน) และ 1 ในผู้ก่อเหตุ เหมือนมีอาวุธปืนซ่อนไว้ที่ตัว
กล้องตัวที่ 2 ในคลิปมีเสียงปาระเบิด หลายลูก
จากนั้นเวลา 00.35.54 จับภาพรถมอเตอไซค์ของกลุ่มผู้ตาย มาจอดรอกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ถนน จากนั้นได้มีเสียงวัยรุ่น 2 กลุ่ม ตะโกนท้าทายกัน “เข้ามาดิ เข้ามาดิ” บางคนก็บอกว่า “เตรียมๆๆๆ” โดยทั้งสองกลุ่มท้าทายกันไปจนถึงเวลา 00.36.58
กล้อง 3 ช่วงต้นคลิป มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จากนั้นวินาทีที่ 20 จะเห็นมีวัยรุ่นเดิน และขับรถตามไปยิงกัน
กล้อง 4 จะมีเสียงปืน เสียงระเบิด ดังขึ้นหลายนัด
เวลา 00.37.46 คาดว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ เดินตามกลุ่มผู้ตาย และเวลา 00.38.14 กลุ่มผู้ก่อเหตุ มีการตะโกนว่า “ขับรถเข้าไป ยิงผ่านเข้าไปได้เลย”
กล้อง 5 หลังก่อเหตุเสร็จกล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มผู้ก่อเหตุขับรถมอเตอไซค์ออกจากที่เกิดเหตุ
หลังจากนั้นเจอผู้เสียชีวิตแบผู้บาดเจ็บในพื้นที่เกิดเหตุ โดยถูกยิงเข้าที่ศีรษะ เบ้าตา และแขน นอนจมกองเลือดที่รถจักรยานยนต์
ด้านทองปาน อายุ 79 ปี พ่อของนายทินนะพัน อายุ 15 ปี ที่ถูกยิงท้ายทอย 1 นัดอาการโคม่า ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ตัวเองอยากจะฝากถึงสื่อ และตำรวจ ให้ช่วยเหลือคดีของลูกชาย เพราะตั้งแต่เกิดเหตุ จนถึงตอนนี้ ลูกชายยังอาการโคม่า 50/50 ไม่รู้สึกตัวแม้แต่นิดเดียว ตัวเองเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุมีมากกว่า 1 คน ที่ตำรวจจับกุมตัวได้แน่นอน จึงอยากให้สื่อช่วยตามเรื่องนี้ เพราะคดีนี้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน
และอยากให้ตำรวจ ติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีให้หมดทุกคน และให้ครอบครัวของผู้ก่อเหตุมาเยียวยาครอบครัวตัวเองด้วย เพราะไม่รู้ว่าลูกชายจะฟื้นคืนมาเมื่อไหร่
ส่วนปมที่ก่อเหตุ ตัวเองก็ไม่ทราบว่าปมก่อเหตุมาจากเรื่องอะไร เพราะลูกชายเขาไปกับเพื่อน เขาไม่ได้มาเล่าอะไรให้ตัวเองฟังเลย
วันนี้ 2 มิถุนายน 2566 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาพูดคุยกับนายทัด อายุ 16 ปี เพื่อนของผู้บาดเจ็บ และคนตาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุกลุ่มพวกตัวเอง กลุ่มอำเภอเจริญศิลป์กว่า 20 คน ได้มีการนัดเคลียร์ปัญหากันกับกลุ่มบ้านดอนม่วงไข่ ที่จุดเกิดเหตุ
กระทั่งเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 23 พ.ค.2566 กลุ่มของตัวเอง 20 คน ไปรอคู่กรณีที่จุดเกิดเหตุ กระทั่งกลุ่มผู้ก่อเหตุมากันประมาณ 10 คน รถมอเตอไซค์ 3 คัน มาถึงที่จุดนัดแนะ แล้วยังไม่ได้เคลียร์อะไรกันเลย แล้วรุ่นพี่ในกลุ่มตัวเอง (กลุ่มเจริญศิลป์) ก็เขวี้ยงปาระเบิดไปใส่กลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 2 ลูก จากนั้นก็มีการยิงปืนปะทะกัน 20 กว่านัด ตอนนั้นตัวเองไม่รู้ว่าใครยิงใครบ้าง เพราะมัวแต่วิ่งหนีกระสุนปืน กระทั่งไปเจอว่า นายทินนะพัน ด.ช.วัชระ และ ด.ช.ศักดินนท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 14 ปี ถูกยิงแล้วต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้ายกันไป ส่วน ด.ช.ศักดินนท์ ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ที่ฝั่งตัวเองเสียชีวิต และบาดเจ็บนั้น เพราะว่าฝั่งผู้ก่อเหตุ เขามีอาวุธครบมือมากกว่าฝั่งตัวเอง
ส่วนปมในการก่อเหตุครั้งนี้ ตัวเองไม่รู้ว่ามาจากเรื่องอะไร เนื่องจากรุ่นพี่ฝั่งตัวเองเขาเป็นคนนัดแนะกับคู่กรณี ตัวเองและคนเจ็บ รู้จักกับกลุ่มวัยรุ่นฝั่งเจริญศิลป์แค่ห่างๆ เขาชวนไปด้วยก็เลยไปกับเขา ทั้งที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่า จะมีการนัดยิงกัน
ยอมรับว่าเหตุครั้งนี้ ฝั่งตัวเอง 20 กว่าคนนั้น มีทั้งปืน มีด และระเบิด และเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
เหตุครั้งนี้ ตัวเองเสียทั้งเพื่อน 1 คน และบาดเจ็บอีก 2 คน โดยเฉพาะ ด.ช.ทินนะพัน ที่เป็นเพื่อนสนิทกับตัวเองตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขายังอาการสาหัส ไม่รู้สึกตัว อยากให้ผู้ก่อเหตุถูกจับกุมทั้งหมด เพราะตำรวจเขาดำเนินคดีจับผู้ต้องหาได้แค่ 1 คนเท่านั้น ทั้งที่ฝั่งผู้ก่อเหตุมีปืนไม่ต่ำกว่า 5 คน