ลูกแค้นพ่อฆ่าแม่หมกศพข้างถนน เหี้ยมทุบหัวเสร็จมาก๊งเหล้า ขอตัดสัมพันธ์
กรณีเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 2 มิถุนายน 2566 มีคนพบ น.ส.ศิริวรรณ อายุ 39 ปี ถูกทำร้ายร่างกายมีบาดแผลที่ลำตัวและศีรษะ โดยพบว่ากะโหลกศีรษะแตก ได้รับบาดเจ็บสาหัส บริเวณถนนสายบ้านจักรสีห์ – วัดพระนอน หมู่ที่ 7 ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี โดยมีกิ่งไม้คลุมปิดตัวไว้ จนญาติๆ ออกไปตามหา แล้วไปพบว่าถูกซ้อมแล้วนำร่างมาซุกข้างถนนดังกล่าว กู้ชีพได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสิงห์บุรี แต่เสียชีวิตลงในวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา
คนในครอบครัวบอกว่า เธอมักจะมีปากเสียงกับสามี ชื่อ นายณรงค์วิทย์ อายุ 42 ปี ซึ่งที่ผ่านมานายณรงค์วิทย์ เคยพยายามจะทำร้าย น.ส.ศิริวรรณ หลายครั้ง แต่ว่าลูกๆ เข้าไปขวางทำให้นายณรงค์วิทย์ไม่กล้าเข้าไปทำร้าย จนกระทั่งวันที่ 2 มิ.ย. น.ส.ศิริวรรณ ขี่มอเตอร์ไซค์มา แล้วมีคนมาพบอีกที เธอถูกตีเข้าที่หน้า แล้วถูกซ่อนไว้ในป่า และอาจจะถูกแทงด้วย
หลังเกิดเหตุ นายณรงค์วิทย์ ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไป
ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของคนตายซึ่งอยู่อาศัยกับนายณรงค์วิทย์ ปรากฏว่า มีภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนวันเกิดเหตุ 2 มิย เวลาประมาณ 19.35 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากก่อเหตุทำร้ายภรรยาแล้วนำร่างซุกซ่อนข้างทาง แล้วเจ้าตัวขับรถกลับมาบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งขับรถพีซีเอ็กซ์สีน้ำเงิน ใส่เสื้อสีชมพู ในมือถือขวดเหล้าขาว เดินเข้ามาพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อลูกๆ ตีเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และชวนลูกเล่นไพ่ บอกว่าใครเล่นไพ่เป็นบ้าง ตีไพ่กับพ่อหน่อย
และหลังจากที่ทุกคนเจอร่างของนางสาวศิริวรรณ ซึ่งขณะนั้นยังไม่เสียชีวิตแล้ว ได้มีการตามตัวว่าใครเป็นคนก่อเหตุ จนกระทั่งมีพยานเห็นว่านายณรงค์วิทย์ สามีคือคนที่ดักทำร้ายภรรยา จึงมีคนพยามตามหาเจ้าตัว แต่นายณรงค์วิทย์ ไหวตัวหลบหนีออกจากบ้าน ซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าบ้านจับภาพเอาไว้ได้ช่วงเวลาประมาณ 20.58 น. ของคืนวันเดียวกัน (2 มิ.ย.) จะเห็นว่าตัวของนายณรงค์วิทย์ เปลี่ยนชุดอาบน้ำ ใส่เสื้อสีขาวกางเกงยีนส์ขายาว ใส่หมวกกันน็อก จุดบุหรี่สูบ 1 ตัว จากนั้นก็ขี่รถหลบหนีมุ่งหน้าเส้นทางไปที่จังหวัดนครสวรรค์
ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดขุนสงฆ์ศรัทธาราม ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนางสาวศิริวรรณ สอบถามนายเจ (นามสมมติ) ลูกชายคนที่ 3 ของคนตาย และเป็นลูกแท้ๆ ของนายณรงค์วิทย์ คนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นคนที่ใกล้ชิดและอยู่กับแม่มากที่สุด และแม่มีอะไรก็จะเล่าให้ฟังทุกเรื่อง แต่ที่ผ่านมาแม้ว่าพ่อกับแม่จะทะเลาะกัน แต่ก็เป็นเพราะความคิดมากของพ่อ ประกอบกับอาการเมาเหล้าขาดสติ และอาจจะมีเรื่องของยาเสพติดด้วยหรือไม่จึงทำให้เปลี่ยนไป แต่ทั้งหมดก็คือความคิดมากของพ่อเพียงฝ่ายเดียว ที่มักจะมีการทำร้ายตบตีแม่ คิดว่าแม่มีคนอื่น
ส่วนในวันเกิดเหตุ ทุกคนก็ไม่มีใครคาดคิดว่าพ่อจะแอบไปดักรอแม่ที่กลางทางระหว่างเส้นทางกลับบ้าน แล้วมีการก่อเหตุทำร้ายแม่ โดยส่วนตัวก็ไม่คิดว่าพ่อจะทำแบบนี้กับแม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงอยากฝากถึงพ่อไม่อยากให้หนีอีกแล้ว อยากให้มอบตัว ชดใช้ตามเวรกรรม และได้รับโทษตามกระบวนการของกฎหมาย
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายจิ๋ว (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ลูกชายคนที่ 2 ของคนตาย แต่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนายณรงค์วิทย์ นายจิ๋ว เปิดใจด้วยความโกรธแค้นว่า ตนเองเคยนับถือเขาเป็นพ่อ แต่หลังจากที่เห็นทำร้ายแม่บ่อยครั้งตนเองรับไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าเค้าจะทำกับแม่ และหลังจากที่มีการก่อเหตุครั้งนี้ตนเองไม่ขอเรียกว่าพ่ออีก เพราะไม่เคยคิดว่าเค้าเป็นพ่อ เนื่องจากมีพฤติกรรมรุนแรงประกอบกับทำร้ายแม่ถึงตาย ดังนั้นจึงอยากให้ดำเนินการให้ถึงที่ จับติดคุกและรับโทษให้นาน ส่วนตัวไม่ให้โอกาสและไม่อโหสิกรรม เพราะรับไม่ได้
ส่วนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หลายครั้ง ที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ และพยายามที่จะเข้าไปห้ามปรามไม่ให้พ่อทำร้ายแม่ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกอยู่ครบกัน 4 คน นายณรงค์วิทย์ผู้เป็นพ่อจะไม่ก่อเหตุหรือทำร้ายแม่ เนื่องจากมักจะถูกลูกคอยกีดกัน และคอยเข้าไปช่วยห้ามทุกครั้ง จึงเป็นที่มาของการดักทำร้ายแม่ในระหว่างที่ลูกไม่อยู่
อย่างไรก็ตาม นายจิ๋ว ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ในคืนวันเกิดเหตุหลังจากที่นายณรงค์วิทย์ ผู้เป็นพ่อในฐานะคนก่อเหตุ ไปดักทำร้ายแม่เสร็จแล้ว กลับเข้ามาบ้านตามที่กล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ เจ้าตัวทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังมาชวนตนเองไปเล่นไพ่หรือตีสนุ๊ก ซึ่งเหมือนตีเนียนว่าไม่ได้มีการก่อเหตุอะไรมา ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะมีจิตใจเลือดเย็นแบบนี้ , และที่สำคัญทุกวันนี้ไม่มีใครกล้าอยู่บ้าน เนื่องจากไม่รู้ว่าจะหวนคืนกลับมาเมื่อไหร่ เจ้าตัวเคยประกาศว่าจะฆ่ายกครอบครัว ดังนั้นลูกทุกคนรวมถึงยายก็ค่อนข้างหวัดกลัว จึงอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่เพื่อที่จะป้องกันความปลอดภัย