สาวพันตรีเก๊ลวงรักจ่าสูบเงินล้าน ผัวเก่าก็หมดตัว ขนาดแม่ก็ไม่เว้นกลายเป็นยาจก
กรณี น.ส.หน่อย อายุ 31 ปี ชาวอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ที่อ้างตัวเองเป็นพันตรี ไปลวงรัก "จ่าตาม" ซึ่งมียศจ่าสิบโท สังกัดค่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ โดยหลังจากคบกันทรัพยสินของ "จ่าตาม" ค่อยๆ หายไปทีละชิ้นๆ รวมแล้วเกือบล้านบาท
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับจ่าตาม ผู้เสียหาย เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตัวเองรู้จักกับนางสาวหน่อยตัังแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 โดยรู้จักผ่านแอปฯ หาคู่ จากนั้นก็เริ่มนัดเจอกัน นัดไปทานข้าวกัน ไปดูกีฬาด้วยกัน แล้วได้รู้จักกันมากขึ้น จนตกลงเป็นแฟนกัน ซึ่งตอนแรกนั้นตัวเองก็เห็นว่าฝ่ายหญิงทำงานที่ร้านจำหน่ายสินค้าแห่งหนึ่ง
จนมาถึงช่วงเดือนมกราคม 2566 ตัวเองได้ให้นางสาวหน่อยย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของตัวเอง แล้วสังเกตว่านางสาวหน่อย ชอบสวมเสื้อแขนสั้นและสวมชุดลายพราง จึงสอบถามว่าที่จริงแล้วทำงานอะไร นางสาวหน่อยก็ตอบว่า “ก็เป็นทหารเหมือนกับตัวเองนั่นแหละ” ตอนนั้นตนก็พยายามถามเขาว่าเป็นทหารยศอะไร เขาก็ไม่ยอมตอบ
ถามว่าอยู่ด้วยกันมา ตัวเองเชื่อไหมว่านางสาวหน่อยเป็นทหารจริงๆ จ่าตามตอบทีมข่าวว่า เชื่อ50 ไม่เชื่อ 50 ที่เชื่อ 50 เพราะว่าตอนที่คบหากันก่อนหน้านี้ นางสาวหน่อยเคยพาตัวเองไปหารุ่นน้องนายสิบที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา แล้วเขาก็เข้าไปในบ้านพักทหาร คุยกับรุ่นน้องดังกล่าว เหมือนราวกับเป็นทหารเลยก็ว่าได้ ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เชื่อ เพราะว่าตัวเองเคยค้นประวัติเก่าๆ ในเฟชบุ๊กของนางสาวหน่อย ก็ไม่เห็นภาพถ่าย หรือข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับอาชีพทหารเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ตัวเองก็ได้แต่เก็บความสงสัยมาตลอด
ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2566 นางสาวหน่อย บอกจะเอารถยนต์กระบะของตัวเองไปขนของที่บ้าน แล้วก็ไม่เอารถมาคืนเลย ตัวเองถามหารถก็บอกแต่ว่าน้องชายเอาไปใช้
ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นางสาวหน่อยก็อ้างว่าทรัพย์สินที่เอาไว้ในห้องนอนภายในบ้านของตัวเองได้หายไป ทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วย สร้อยทองคำน้ำหนัก 1 บาท, แหวนเพชร 1 วง มูลค่า 70,000 บาท, สร้อยข้อมือทองคำน้ำหนัก 3 บาท ได้หายไปจากบ้าน แล้วก็บอกว่าไปแจ้งความไว้แล้ว กระทั่งช่วงค่ำของวันเดียวกัน ก็พบว่าเงินสดจำนวน 80,000 บาท ในห้องนอนของแม่ตัวเองได้หายไป แล้วนางสาวหน่อยก็อาสาไปแจ้งความให้แม่ แล้วเขาก็ดำเนินการทุกอย่างเอง โดยไม่ให้ตัวเองยุ่งเกี่ยวด้วย
พอมาเดือน พ.ค. 2566 เงินแม่ก็ได้หายไปอีกเป็นครั้งที่ 2 จำนวน 5,000 บาท นางสาวหน่อยก็อาสาไปแจ้งความที่โรงพักให้แม่อีก แล้ววันต่อมานางสาวหน่อยมาอ้างว่า คดีที่เงินแม่หายไปรวมถึงคดีที่น.ส.หน่อยอ้างว่าทรัพย์สินหาย ตำรวจตามคนร้ายและได้ของกลางมาแล้ว เดี๋ยว น.ส.หน่อย จะโอนเงินเข้าบัญชีให้ กระทั่งมาพบภายหลังว่า น.ส.หน่อยไม่ได้โอนเงินให้แม่ตัวเองเลย มีเงินคงเหลือในบัญชีแค่ 37 บาทเท่านั้น
กระทั่งวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ด้วยความสงสัยหลายๆ อย่าง ตัวเองจึงเรียก น.ส.หน่อย มาพูดคุยกันตรงๆ กระทั่งจับโป๊ะได้ว่า รถยนต์กระบะที่อ้างว่าไปขนของมูลค่า 740,000 บาท น.ส.หน่อยก็เอาไปจำนำจนรถหลุดจำนำแล้ว และยังพบว่าเงินของแม่ที่หายไป 2 รอบ รอบแรก 80,000 บาท รอบสอง 5,000 บาท และสลากกินแบ่งรัฐบาลที่แม่ถูกรางวัลจำนวน 20,000 บาทที่หายไปทั้งหมดนั้น คือฝีมือของ น.ส.หน่อย และยังมีเงินที่ยืมแม่ไปอีก 8,000 บาทด้วย
หลังจากสอบถามนางสาวหน่อยจนเขาพูดความจริงมาแล้วนั้น ตัวเองจึงพานางสาวหน่อยไปส่งตำรวจ สภ.ประโคนชัย เพื่อแจ้งความดำเนินคดี
ที่ผ่านมา น.ส.หน่อยยังหลอกว่ามีบ้านหรูกำลังสร้างใหม่ มีคอนโดอยู่ 2 แห่ง มีรถยนต์หลายคัน และเคยพาตัวเองไปบ้านชาวบ้านที่มียายแก่ๆ อยู่บ้านหลังหนึ่ง ที่เขาอ้างว่าเป็นบ้านของเขา แต่ตอนท้ายตัวเองก็มาจับได้ว่า บ้านที่เขาพาตัวเองไป ไม่ใช่บ้านของเขาเลย เขาพาไปบ้านยายแก่ๆ ที่ไหนก็ไม่รู้
นอกจากนี้ ยังบอกว่าท้องลูกแฝดได้ประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งเป็นลูกที่ท้องกับตัวเองอีกด้วย ตอนนั้นตัวเองก็ดีใจมากๆ ที่จะมีลูกแถมยังเป็นลูกแฝด แต่พอนำภาพใบอัลตร้าซาวนด์ที่ส่งมาให้ดู กลับเป็นภาพที่ค้นหาได้ในเน็ตทั่วไป
ยอมรับว่าอยู่ด้วยกันมา ตัวเองรักผู้หญิงคนนี้มาก ถึงขั้นวางแผนจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เพราะเขาเป็นคนพูดจาดี กริยาดี เป็นผู้หญิงทำอาหารอร่อย ทำกับข้าวให้พ่อแม่ตัวเองทานจนพวกเขาตายใจ แต่พอมาทำแบบนี้ ขอยืนยันว่าจะไม่กลับไปคืนดี ถึงแม้หากในอนาคตจะกลับมาหาตัวเองก็ตาม
ตอนที่นางสาวหน่อยถูกคุมตัวอยู่ที่โรงพัก ก็บอกกับตัวเองว่า หากออกมาจากคุกจะหาเงินมาชดใช้ให้
จ่าตามได้พาทีมข่าวช่อง 8 เข้าไปดูภายในห้องนอนที่จ่าตามนั้นได้เคยใช้เป็นที่หลับนอนกับแฟนสาว ที่ห้องนอนยังคงเหลือเสื้อลายเสือที่คาดผม และแว่นตาดำของนางสาวหน่อยที่ตกอยู่ในที่นอน ซึ่งจ่าตามก็ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตัวเองจะเก็บสิ่งของเหล่านี้ ไว้ให้นางสาวหน่อยกลับมาเอาคืนไป ถ้าเขาไม่มาเอาก็จะส่งคืนไปตามที่อยู่ของเขา
ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนางสมศรี แม่ของจ่าตาม ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่นางสาวหน่อย เข้ามาบ้านตัวเองตอนแรกๆ เขาก็ทำตัวเหมือนกับเป็นผู้ดีตีนแดง เป็นข้าราชการไฮโซผู้สูงส่ง ตัวเองก็กลัวว่า ว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ จะกินอยู่กับลูกชายตัวเองได้ไหมน้อ
กระทั่งอยู่ๆกันไป นางสาวหน่อย เขาก็นิสัยนอบน้อม เข้ากับครอบครัวตัวเองได้ทุกอย่าง มีไข่ต้มก็กินไข่ต้ม มีน้ำพริกก็กินน้ำพริก แล้วเขาก็เป็นคนปากหวาน ชอบทำอาหารมาให้ว่าที่พ่อตาแม่ยายทานเสมอ ทำดีทุกอย่างจนตัวเองตายใจ
แล้วอยู่ๆไป เขาก็มาบอกตัวเองว่าเขาท้องกับลูกชายได้ลูกแฝด แต่ตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร กลับแปลกใจมากกว่า ว่าเขาคบหากับลูกชายตัวเองได้ไม่กี่เดือน ทำไมถึงตั้งครรภ์เร็วขนาดนี้
กระทั่งอยู่ๆไป เงินตัวเองได้หายหลายครั้ง รวมถึงล็อตเตอรี่รางวัลที่ 5 รวมของที่หายทั้งหมดแสนกว่าบาท ตอนที่เงินหายแรกๆ ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของนางสาวหน่อย ว่าที่ลูกสะใภ้ เพราะคิดว่าเป็นฝีมือของสามี เนื่องจากสามีตัวเองติดเหล้า เคยแม้กระทั่งเรียกสามีมาสาบานเลยด้วยซ้ำ แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายมาจับโป๊ะว่าเป็นฝีมือของนางสาวหน่อย ซึ่งไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะชักศึกเข้าบ้าน
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้พูดคุยกับนางสาวหน่อย เปิดใจว่า ตัวเองยอมรับว่าเอาเงินแม่ของจ่าตาม รวมแสนกว่าบาทมาจริงๆ แต่เงินทุกบาทก็เอาไปใช้จ่ายในครอบครัว ไม่ได้เอามาใช้จ่ายส่วนตัวแต่อย่างใด
ถามว่ารถยนต์กระบะของจ่าตามได้เอาไปจำนำจริงไหม นางสาวหน่อย ก็ตอบว่า เอาไปจริ แต่เจ้าของนั่นแหละเป็นคนเซ็นเอกสารให้ตัวเองเอาไปจำนำ ทีมข่าวถามต่อว่า แต่ฝ่ายชายบอกว่าไปหลอกเขา ว่าเอกสารที่ให้เซ็น น.ส.หน่อยไปอ้างว่าเป็นใบประกันรถเลยยอมเซ็น นางสาวหน่อยก็ตอบว่า “ถ้าเขาพูดมาอย่างนั้น ก็นามนั้นเลยค่ะ”
ถามว่าตลอดเวลา 6 เดือน ที่อยู่กับฝ่ายชายมา เคยรักเขาจริงไหม หรือตั้งใจมาหลอกเขาแต่แรก นางสาวหน่อยก็ตอบวว่า “ถ้าไม่รัก ก็คงไม่อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ แล้วก็รักเขามาก”
ถามว่าตัวเองเป็นทหารหญิง ยศพันตรีจริงไหม หน่อยก็ตอบว่า ไม่ได้ตั้งใจหลอกฝ่ายชายเรื่องเป็นทหารเลย แต่มันเกิดจากตัวเองชอบใส่เสื้อยืดแบบรัดสีเขียวขี้ม้า และชอบใส่เสื้อลายพราง ทำให้จ่าตามชอบมาถามว่า “เป็นทหารไหม” ตัวเองก็เคยตอบไปว่า “ไม่ได้เป็น” แต่เขาก็คะยั้ยคะยอว่าตัวเองเป็นทหาร ตัวเองรำคาญที่ฝ่ายชายถามเซ้าซี้ เลยพูดประชดไปว่า “งั้นเป็นทหารก็ได้ แต่ขอเป็นยศพันตรีเลยนะ” แต่ตัวเองก็ไม่ได้ใส่ชุดทหารไปไหนมาไหน แค่ใส่ชุดทหารถ่ายรูปกับจ่าตามเพียงเท่านั้น
ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตัวเองเข้าหาฝ่ายชายเพราะความรัก ไม่ได้วางแผนจะมาหลอกลวง และที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำกับผู้ชายที่ไหน ทำกับจ่าตามแค่คนแรก
ด้านนางสาวรี (นามสมมติ) แม่ของนางสาวหน่อย ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้ ลูกสาวตัวเองก็เป็นคนปกติดี ไม่เคยมีสร้างเรื่อง กระทั่งเมื่อปี 2563 นางสาวหน่อย ลูกสาวของตัวเอง มาขอโฉนดที่นารวม 10 ไร่ เพื่อจะไปค้ำประกันให้เพื่อน แล้วเอาเงินมาลงทุกทำธุรกิจปล่อยเงินกู้กับเพื่อนคนหนึ่ง จากนั้นลูกสาวก็บอกว่า ถูกเพื่อนโกง จนโฉนดที่นาถูกยึด จากนั้นมาลูกสาวก็สติแตก กลายเป็นคนใหม่ไปเลย
แล้วก็มาขอโฉนดที่บ้านของตัวเองจำนวน 3 งาน เพื่อจะเอาไปเข้าไฟแนนซ์ เพื่อเอาโฉนดที่นาออกมา แต่สุดท้ายโฉนดที่บ้านก็ถูกยึดไปอีก จนตอนนี้ ตัวเองต้องเช่าบ้านอยู่ แล้วนางสาวหน่อย ลูกสาวตัวเองก็หายออกจากบ้านไป ทิ้งหลานที่เกิดกับสามีคนเก่าให้ตัวเองเลี้ยง
กระทั่งปีที่แล้ว มีหนุ่มชาวมหาสารคามมาหาตัวเองที่บ้าน แล้วบอกตัวเองว่า นางสาวหน่อยลูกสาวตัวเองไปคบกับชายคนดังกล่าว แล้วหลอกชายคนดังกล่าวชาวสารคามว่า เป็นลูกคนรวยฐานะดี มีบ้านหรู มีคอนโด ตัวเองก็บอกชายชาวสารคามไปว่า “บ้านก็มีอย่างที่เห็นนี่แหละ พอได้กินได้อยู่ แล้วก็หาเช้ากินค่ำเหมือนคนทั่วไป”
กระทั่งล่าสุด เมื่อวานนี้ จ่าตามพร้อมครอบครัวก็ได้มาหาตัวเองที่บ้าน พร้อมบอกว่า ถูกนางสาวหน่อยลูกสาวตัวเองไปหลอกว่าบ้านรวย ฐานะดี ซึ่งตัวเองก็ได้บอกจ่าตามไปว่าถูกหลอกแล้ว แต่ทางจ่าตามก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ลูกสาวไปขโมยเงินแม่ของเขา และจำนำรถกระบะแต่อย่างใด
แม่ของนางสาวหน่อย ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ที่หมู่บ้านของตัวเอง ก็ถูกนางสาวหน่อยไปยืมเงินชาวบ้านทั่วหมู่บ้าน จนตัวเองต้องตามไปใช้หนี้เป็นแสนๆ
ยอมรับว่าตั้งแต่ลูกสาวถูกตำรวจคุมตัวไป ตัวเองยังไม่ได้พูดคุยเลย ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็ทำแกงถุงขายตามตลาดนัดเพื่อหาเลี้ยงหลาน รวมถึงเป็นค่าเช่าบ้านและเก็บเงินใช้หนี้ให้นางสาวหน่อย