สาวผวานายจ้างคลั่ง อีโต้จ่อคอเฉือนผมเป็นกระจุก เจ้าตัวรับผิดคิดว่าพาเมียหนี
ผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียนว่า ถูกหัวหน้างานของแฟนใช้มีดโต้จี้คอ และมีแผลได้รับบาดเจ็บ สืบเนื่องจากหัวหน้างานของแฟนชอบซ้อมเมีย แล้ววันนั้นเธอแวะไปที่บ้านของหัวหน้าแฟน เนื่องจากแฟนไปกินเหล้ากับหัวหน้า
หญิงผู้เสียหายคนดังกล่าว คือ นางสาวกฤติยากรณ์ หรือเบนซ์ อายุ 21 ปี ได้โชว์ร่องรอยบาดแผลบริเวณลำคอที่ต้องเย็บแผลถึง 5 เข็ม และยังให้ดูผมที่ถูกตัดด้วยมีดจากผู้ก่อเหตุเป็นรอยแหว่ง และยังมีเส้นผมเป็นกระจุกใหญ่ที่ถูกตัดออกมา พร้อมกับเล่าว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ตนเองได้ตามแฟนหนุ่มไปนั่งดื่มเหล้าที่บ้านหัวหน้าของแฟน หลังดื่มไปได้สักพักใหญ่ๆ ตั้งแต่ 19.00 น. จนถึง 22.00 น. หัวหน้าของแฟนที่เป็นผู้ก่อเหตุได้เริ่มมีอาการเมา จึงได้เข้าไปนอนบริเวณโซฟา ซึ่งไม่ห่างจากจุดที่นั่งดื่มกันอยู่มากนัก ก่อนที่ภรรยาของผู้ก่อเหตุจะเข้ามาพูดคุยกับตนเอง ระบายความในใจว่าถูกสามีทำร้ายร่างกาย ไม่ยอมให้ทำงาน ให้อยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน ทำให้รู้สึกอึดอัดก่อนที่จะร้องไห้ แต่ระหว่างนั้นหัวหน้างานของแฟนได้ตื่นขึ้นมาได้ยินจึงโมโห ลุกขึ้นมาทำลายข้าวของและเข้าไปทำร้ายร่างกายภรรยา ทำให้ภรรยาของผู้ก่อเหตุวิ่งมากอดอยู่ที่ด้านหลังของตนเองเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งผู้ก่อเหตุได้บอกแฟนให้นำตนเองออกไป แต่ตนไม่สามารถที่จะออกมาได้เพราะภรรยาของผู้ก่อเหตุได้จับตัวเองไว้แน่น ทำให้ถูกลูกหลงระหว่างที่ผู้ก่อเหตุเข้าทำร้ายภรรยา
โดยต่อมาผู้ก่อเหตุได้หยิบขวดเบียร์ขึ้นมาจะตีภรรยา แฟนหนุ่มของตนเองจึงเข้ามาช่วยจับขวดเบียร์ และยื้อกันจนแฟนแย่งขวดเบียร์มาได้ ก่อนจะผลักให้ผู้ก่อเหตุล้มลง จากนั้นทั้งตนเอง แฟน และภรรยาของผู้ก่อเหตุได้วิ่งหนีกันไปคนละทิศและทาง ซึ่งตนเองออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย แต่เมื่อเห็นผู้ก่อเหตุเริ่มสงบลงและกำลังเก็บของ ตนเองจึงเข้าไปช่วย ก่อนจะเดินออกมาหาแฟนหนุ่มที่อยู่ที่ป้อมยาม เพื่อจะมาเอากุญแจจักรยานยนต์ ที่จอดไว้หน้าบ้านผู้ก่อเหตุเพื่อขี่รถกลับบ้าน แต่ระหว่างที่ตนเองเดินเข้าไปเอารถจักรยานยนต์ พบว่าผู้ก่อเหตุดักอยู่ปากซอยทางเข้าบ้าน จึงใช้มีดโต้เข้ามาจี้ที่ท้ายทอยของตนเอง พร้อมกับเชือดต้นคอทำให้มีแผลเลือดไหลออกมา และยังใช้มีดเฉือนผมหลุดออกมาเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะนำตนเองไปที่ป้อมยามเพื่อตามหาภรรยาแต่ไม่พบ เนื่องจากหนีไปไหนก็ไม่รู้
ต่อมา ผู้ก่อเหตุได้จี้ตนเองเข้าไปภายในบ้าน ก่อนจะจับกดตนเองหันหน้าลงไปกับพื้นแล้วใช้มีดจ่อคล้ายกับพยายามจะเชือดไปที่ต้นคอด้านหลังอีก ซึ่งขณะนั้นตนเอง คิดถึงพ่อและแม่จึงพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดเพื่อดิ้นรนหนี เพราะถ้าหากปล่อยไว้ตนเองอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงทำให้ตนเองร้องกรี๊ดและแย่งมีดจากผู้ก่อเหตุมาได้ก่อนนำไปทิ้ง และวิ่งหนีออกไปขอความช่วยเหลือจากคนภายในหมู่บ้าน ตนเองจึงตัดสินใจไปแจ้งความที่ สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี แต่ตำรวจได้แต่เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้นไม่สามารถแจ้งข้อหาพยายามฆ่าได้ ทั้งที่ตนเองโดนกระทำจนต้องหนีตาย ซึ่งตำรวจอ้างว่าไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าและผู้ก่อเหตุยังไม่ได้ยังไม่ได้ลงมือถึงขั้นฆ่า และหลังจากที่ตนเองแจ้งความแล้ว ผู้ก่อเหตุยังส่งข้อความมาข่มขู่แฟนหนุ่มของตนเองอีกด้วย
ขณะที่ นายปรีชา อายุ 26 ปี แฟนหนุ่ม เปิดเผยว่า ระหว่างที่ตนเองเห็นหัวหน้าเอามีดจ่อคอแฟนสาวนั้นทำอะไรไม่ถูก จะเข้าไปช่วยเหลือห้ามปรามก็ไม่ได้ เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุจะกดดันแล้วทำร้ายร่างกายแฟนตนไปมากกว่านี้ จึงได้แต่เพียงยืนมอง และพยายามจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครช่วย ซึ่งก่อนที่แฟนตนเองจะเข้าไปเอารถจักรยานยนต์ ตนเองได้ห้ามปรามแล้ว แต่แฟนบอกว่าผู้ก่อเหตุพูดจารู้เรื่อง แต่เมื่อแฟนของตนเองเดินเข้าไปก็ถูกกระทำดังกล่าว
ทีมข่าวได้พบกับ นายสราวุธ หรือกอล์ฟ อายุ 37 ปี ผู้ที่ก่อเหตุใช้มีดจี้หญิงคนดังกล่าว ยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ พร้อมกับเปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุตนเองจำอะไรไม่ได้เพราะมีอาการเมาอย่างมาก แต่รู้ตัวว่าใช้มีดจี้ไปที่คอของแฟนสาวของลูกน้อง แต่ไม่รู้ว่าใช้มีดเชือดผมและเชือดไปที่คอของผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บด้วย อ้างจำได้แต่ว่าที่ก่อเหตุเพราะเข้าใจผิดคิดว่าแฟนหนุ่มของผู้เสียหายได้พาภรรยาของตนเองออกไปจากบ้าน จึงเกิดความโมโห จับแฟนสาวของลูกน้องเพื่อให้ติดต่อแฟนหนุ่มให้นำภรรยามาคืน ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเมาและคิดไปเองว่าแฟนนอกใจเพราะรักภรรยาคนนี้มาก พร้อมกับยอมรับว่าหลังเกิดเหตุเป็นคนส่งแชตไปข่มขู่ลูกน้องของตนเองจริง เพราะ เข้าใจไปเองว่าลูกน้องพาภรรยาตัวเองออกไปจากบ้าน
โดยยอมรับผิดในสิ่งที่ตนเองทำ ขอโทษผู้เสียหายและญาติของผู้เสียหาย ตนเองเมาไม่ได้สติจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น หลังจากนี้เมื่อตัวเองพักผ่อนจนหายจากอาการมึนเมาแล้ว จะเข้าพบตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาต่อไป