ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพแผลเกิดจาก "กิ้งกือ" แพทย์เตือนไม่กัด แต่มีพิษสารกลุ่มไซยาไนด์ มีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังไหม้ เป็นหนองพุพอง
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนภัยลงในกลุ่ม "แม่แฝกใหม่ เฮาฮักกั๋น" โดยเป็นเรื่องของพิษจากกิ้งกือ โดยภาพที่ผู้โพสต์ได้เปิดเผยจะเห็นเป็นตุ่มพุพองบริเวณนิ้วกลางเท้า ซึ่งทางผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า "เตือนกันนะครับ เฝ้าระวังลูกๆ หลานๆ ตวยเน้อช่วงนี้ มันนักนา กิ้งกือมีพิษเน้อครับ"
นอกจากนี้ เพจ "ดราม่า-แอดดิก" ยังได้โพสต์ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพิษของกิ้งกือ โดยได้ระบุข้อความว่า "กิ้งกือ ปกติจะมีพิษเล็กน้อย ไว้ป้องกันตัว โดยกิ้งกือจะไม่กัด แต่มีต่อมพิษ ปล่อยสารพิษออกมา ไปโดนจะทำให้ระคายเคือง ปวดแสบผิว และอาจมีตุ่มน้ำขึ้น ถ้ามีอาการไปพบแพทย์รักษา"
หลังจากนั้นก็มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายคนก็ยังไม่รู้ว่ากิ้งกือมีพิษ เช่น "ตอนเด็กจับมาเล่นตลอดเลย" / เพิ่งรู้ว่ากิ้งกือมีพิษ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าแผลแบบนี้ที่ได้มาตอนเด็กๆเพราะไปเล่นกิ้งกือ / "น้องไม่ได้กัด แต่อย่าไปทับ เพราะอาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้นไหม้ แสบร้อนได้ ออกฤทธิ์แบบเดียวกับ แอม(ไซยาไนด์) เลยจ้า" / และก็มีหลายคนที่เคยโดนพิษจากกิ้งกือ "เคยนอนทับมันเข้า เนื้อที่น่องไหม้เป็นรอยตัวกิ้งกือเลย แสบร้อนมาก" / "ผมเคยนอนแล้วมันมาซุกที่คอ แสบร้อนไหม้เลย"
ขณะที่ กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง และมหาวิทยาลัยมหิดลคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ก็ได้ออกมาให้ความรู้ประชาชนผ่านเฟซบุ๊ก สถาบันโรคผิวหนัง เกี่ยวกับ พิษของกิ้งกือ โดยฉีดว่า กิ้งกือบางสายพันธุ์มีต่อมพิษอยู่ 2 ข้างลำตัว และสามารถฉีดสารพิษได้ไกล มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการแสบ เป็นผื่นแดงหากโดนผิวหนัง หรือหากเข้าตาจะเกิดอาการระคายเคือง และออกมายืนยันว่ากื้งกือไม่กัด หากใครถูกพิษของกิ้งกือให้ล้างด้วยน้ำสะอาดและน้ำสบู่ เพื่อลดอาการระคายเคือง และให้ทายาแก้อักเสบ บริเวณที่โดนพิษ อาการจะหายภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากพิษเข้าตาให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดและเข้าพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันอาการอักเสบ