"ทนายอนันต์ชัย" ยื่นฟ้อง "แพรี่ ไพรวัลย์" กับลูกเพจ หมิ่นประมาท โพสต์เฟซบุ๊กให้ความเห็นกล่าวหา หลวงตาสินทรัพย์ บริจาคเงิน 1 ล้าน ให้มูลนิธิฯหวังปิดปากทนาย
วันที่ 9 มิถุนายน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และนายประยุทธ ประเทศเสนา ทนายมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้มายื่นฟ้องนายไพรวัลย์ วรรณบุตร กับพวกรวม 3 คน เป็นจำเลยในฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
จากกรณีเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยที่ 1 ได้โพสต์ข้อความลงในเพจเฟซบุ๊ก “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” เป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้ โดยข้อความระบุว่า “สอนธรรมไปด้วย สูบบุหรี่ไปด้วย ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นของเสพติดให้โทษ เอาอะไรมามั่นว่าชนะกิเลสตัณหาคะ ลูกศิษย์นี่พักเถอะค่ะ ไม่งั้นจะจัดชุดใหญ่ให้อีกนะคะ”
ต่อมาได้มี ลูกเพจ ของแพรี่ ไพวัลย์ มาคอมเม้นท์ จำเลยที่ 2 โพสต์ว่า “จัดไป ต้องจัด เอาให้จอด อวดอุตริมานานแล้ว เราเห็นมานานละ ตอนนี้มั่นใจว่ามีทนายเข้าข้าง (ขอแอบกระซิบว่า-เขาบริจาคเงินให้มูลนิธิทนาย เขาจึงปกป้องกัน) รีบอ่านนะ จะรีบลบ อ่านแล้วกดถูกใจให้รู้ด้วยนะ จะลบ” และแสดงความคิดเห็นอีกว่า #ไพรวัลย์ วรรณบุตร บริจาคเงินให้มูลนิธิทนาย (พร้อมกับแนบภาพถ่ายโพสต์ของโจทก์ที่ 1 ที่โจทก์ที่ 1 เคยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับหลวงตาสินทรัพย์ จรณธัมโม ลงในเพจ “ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช” เมื่อวันที่ 5ต.ค. 2565 หัวข้อ หลวงตาสินทรัพย์ VS ทนายอนันต์ชัย เกี่ยวกับกรณีที่หลวงตาสินทรัพย์บริจาคเงิน จำนวน 1,000,000 บาท ให้กับโจทก์ที่ 1” โดยขีดเส้นใต้ด้วยหมึกสีแดงที่ข้อความจำนวนเงิน 1,000,000 บาท)
ส่วนจำเลยที่ 3 ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อจากการแสดงความคิดเห็นของจำเลยที่ 2 ว่า “#ก๋งชิน เปรมวดี เอาเงินก้อนยัดปากทนายไว้ก่อน คงจะมีอะไรที่กลัวโดนทนายแฉหรือเปล่านะ” จำเลยที่ 2 ได้เข้ามาตอบกลับจำเลยที่ 3 ว่า “#Nongnapat Techa ทนายฟ้องดะ ใครแตะต้องหลวงตาเขา”
โดยนายอนันต์ชัย ระบุว่ การโพสต์ของจำเลยที่ 1 แม้จะไม่ได้ระบุชื่อว่า บุคคลใดที่สอนธรรมไปด้วยสูบบุหรี่ไปด้วยนั้น คือใคร แต่บุคคลที่เป็นลูกศิษย์และบุคคลโดยทั่วไปเข้าใจได้ว่าคือ หลวงตาสินทรัพย์ แห่งที่พักสงฆ์วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์ ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งมีโจทก์ที่ 1 เป็นลูกศิษย์ เป็นการใส่ความด้อยค่าการสอนธรรมของหลวงตาสินทรัพย์ และทำให้บุคคลที่สามเข้าใจว่า โจทก์ที่ 1 ซึ่งมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ วิชาชีพทนายความกว่า 37 ปี มีชื่อเสียงและมีวุฒิภาวะ แต่ยังมาเป็นลูกศิษย์ศรัทธาการสอนธรรมของหลวงตาสินทรัพย์ ที่มิได้เป็นผู้ชนะกิเลสแต่อย่างใด และจำเลยที่ 1 ยังมีเจตนาก่อให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาโจทก์ อันเป็นการชี้นำ โดยรู้อยู่แล้วว่าหลวงตาสินทรัพย์ ให้เงินกับโจทก์ที่ 1 เพื่อเป็นเงินทุนสนับสนุนโจทก์ จำนวน 1 ล้านบาท เพื่อใช้ช่วยเหลือแก่พระภิกษุสงฆ์ และสามเณร วัดวาอารามต่างๆทั่วประเทศ ไม่ใช่เพื่อปิดปากโจทก์ทั้งสอง เพื่อไม่ให้เปิดเผยเรื่องไม่ดีของหลวงตาสินทรัพย์ แต่อย่างใด ทำให้โจทก์ทั้งสองต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติยศ วันนี้จึงนำคดีมาฟ้องและขอให้จำเลยทั้ง3 โฆษณาผลคำพิพากษาและคำขอโทษผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ จำนวน 46 สื่อ
“คนเราต้องมีเหตุและมีผล จึงนำคนที่หมิ่นประมาทมาขึ้นศาลพิสูจน์ความถูกผิด ยืนยันว่าเงินที่ได้รับบริจาคมานำเข้ามูลนิธิฯ มีบัญชีงบดุล และสามารถตรวจสอบได้” ทนายความชื่อดังระบุ
โดยศาลรับเป็นคดีหมายเลขดำ อ.1608/2566
เเละนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 21 ส.ค.2566 เวลา 09.00 น.