แปลก! หนุ่มเร่ร่อนขยันป่วย เบิกยา รพ.รัฐนับล้านมาทิ้ง เพื่อนงงป่วย 600 ครั้ง รพ.เพิ่งสงสัย

จากกรณีตำรวจกองปราบปราม คุมตัวนายสุโข อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงดอนเมือง ในความผิดฉ้อโกง มาสอบปากคำ โดยถูกจับกุมได้บริเวณโรงพยาลแห่งหนึ่ง แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2563 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พบการใช้สิทธิรักษาพยาบาลฉุกเฉินของ นายสุโข ซึ่งขอเข้ารัปการรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหลายครั้ง ทุก 2-3 วัน ตามโรงพยาบาลรัฐต่างๆ โดยใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพในการเบิกจ่ายยารับประทาน

เมื่อตรวจสอบ พบว่า ตั้งแต่ปี 2553-2559 นายสุโข ใช้สิทธิเข้ารับการรักษามากถึง 675 ครั้ง และเกือบทุกครั้ง จะได้รับยาในลักษณะเดียวกันทั้งชนิดยาเม็ดและยาพ่น

สำหรับรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งตามหลักการแพทย์ ยาพ่นที่ได้รับสามารถพ่นได้ 200 ครั้งต่อขวด หรือใช้ได้นานถึง 60 วัน

เจ้าหน้าที่จึงเชื่อว่า พฤติกรรมของนายสุโข เข้าข่ายลักษณะความผิดเกี่ยวกับการ
ฉ้อโกง สร้างความเสียหายให้แก่รัฐเป็นมูลค่ากว่าล้านบาท เบื้องต้น นายสุโข ให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถาม แม่ค้าร้านผลไม้ภายในโรงพยายาบาล ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า นายสุโขนั้น เป็นคนเร่ร่อน และมักจะอาศัยนอนตามโรงพยาบาลมากว่า 5-6 ปีแล้ว โดยในแต่ละวัน เจ้าตัวจะเดินเข้าออกในโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และเปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆ เวลาอาบน้ำก็จะไปอาบน้ำที่วัดใกล้ๆโรงพยาบาล โดยนายสุโข จะออกมาช่วงเช้า และกลับไปอาบน้ำช่วงค่ำ

นายสุโขไม่มีอาชีพ หรือ ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยเจ้าตัวจะใช้การขอเงินกับประชาชนที่มาโรงพยาบาล หรือ พ่อแม่ค้าที่อยู่ทั้งในและนอกโรงพยาบาลเพื่อนำเงินไปซื้ออาหารประทังชีวิต

แม่ค้าผลไม้ บอกอีกว่า ตนเองยังเคยถูกนายสุโข มาขอยืมเงินไปจำนวน 50 บาท โดยนายสุโขโกหกว่า จะขอเงินไปซื้อข้าวกิน อ้างว่าเดี๋ยวจะคืนเงินให้ ตนเองด้วยความสงสารก็ให้ยืมเงินไปแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืนเลย จนตนเองก็ขี้เกียจจะทวงแล้ว

ส่วนเรื่องที่นายสุโข ได้ใช้สิทธิบัตรทอง เบิกยาเม็ดและยาฉีดพ่น จำนวนเกือบ 700 ครั้ง มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ตนเองที่ผ่านมาก็จะเห็นนายสุโข คอยถือถุงพลาสสติก ภายในมียาอัดแน่เต็มถุงอยู่บ่อยครั้ง ก็เคยคิดสงสัยอยู่ว่า นายสุโขป่วยเป็นอะไร ทำไมต้องถือถุงยาตลอด แต่ก็ไม่เคยถาม เพราะไม่อยากจะยุ่ง

ส่วนยาทั้งหมด นายสุโขจะนำไปขายต่อ หรือ เอาไปทำอะไรตนเองไม่ทราบ และตกใจเหมือนกันว่า คนเร่ร่อนคนเดียวจะเบิกยาและทำให้รัฐเสียหายกว่า 1 ล้านบาทได้ขนาดนี้ เพราะการจะเข้าไปเบิกยาใช้สิทธิโรงพยาบาลรัฐ ก็ต้องใช้เวลานั่งรอนานมาก กว่าจะได้ยามา และเบิกยาไปเยอะขนาดนั้นทำไมโรงพยาบาลแต่ละโรงพยาบาลไม่มีการบันทึกประวัติการเบิกจ่ายยากับคนไข้ไว้หรือ

เช่นเดียวกับแม่ค้าร้านส้มตำ หน้าวัดมะกอก ที่ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเองเห็นนายสุโขล่าสุดเมื่อ 4-5 วันที่แล้ว โดยเจ้าตัว มาขอซื้อลาบหมูกิน โดยกำเงินมา 30 บาท ซึ่งตนเองด้วยความสงสารก็ได้แถมให้กิน ซึ่งเจ้าตัวทักจะทาซื้อลาบหมูที่ร้านประจำ และหลังจากซื้อเสร็จ เจ้าตัวก็จะยืนพูดคนเดียว และเดินไปมาตามท้องถนน

และทุกครั้งที่พบ เจ้าตัวจะมีกระเป๋าสะพายหลังตลอด แต่ก็ไม่รู้ภายในใส่อะไร มาทราบว่า นายสุโขถูกจับคดีฉ้อโกง ตนเองก็ไม่อยากเชื่อ เพราะ นายสุโขเหมือนคนป่วยทางจิต แต่ทำไมเก่งขนาดเบิกยาของรัฐได้จำนวนเป็นล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดามากๆ

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ตามบัตรประชาชนของ นายสุโข พบว่าบ้านหลังนี้ถูกขายไปแล้ว จึงได้สอบถามกับเจ้าของบ้านคนใหม่ เล่าว่า ทางครอบครัวของนายสุโข ได้ขายบ้านหลังนี้ให้กับครอบครัวของตน มาสิบกว่าปีแล้ว
หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิต และได้ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯกันทั้งครอบครัว และไม่เคยกลับมาสุโขทัยเลย

เจ้าของบ้านคนใหม่ เล่าเพิ่มเติมว่า เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่มีจดหมายจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ส่งมาถึงนายสุโข เพื่อทวงถามค่ารักษาพยาบาล ที่ยังไม่ได้ชำระ จำนวน สองพันกว่าบาท แต่ตนก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่รู้ว่าจะไปติดต่อเค้าได้ที่ไหน

ขอยา รพ. นับล้านมาทิ้ง!