"สมช." ถก ปมกิจกรรมแบ่งแยกดินแดนปาตานี "เลขาฯ" เผย กอ.รมน. ตั้งธงเอาผิด ชี้ ฝ่ายการเมืองโยงทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง หาเสียงแรงสุดโต่ง เสนอนโยบาย 3 จชต. มีนายกฯตัวเอง บอกพร้อมรับมือม็อบชุมนุมกดดัน ส.ว.เลือกนายกฯ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยผลการประชุมถึงกรณีนักศึกษามีการจัดทำโพลแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อให้ ปาตานีแยกออกมาปกครองตัวเองจากรัฐไทยว่า ตนได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวแล้ว ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นในพื้นที่ทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า และตำรวจภาค 9 ก็กำลังตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงในเนื้อหาสาระของกิจกรรมที่จัดและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และดูข้อมูลผลผลิตต่างๆ ที่ปรากฏต่อสื่อและโซเชียลมีเดียว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายเรื่องใดบ้าง ข้อมูลที่ปรากฏจะไปเกี่ยวกับต้องการแยกตัวเป็นเอกราช ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องมีการสืบสวนและหาข้อมูลรายละเอียด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ คงต้องใช้เวลาพอสมควร

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินว่าจะเกิดการบานปลายไปมากกว่านี้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า จากการประชุม ได้มีการสรุปข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตามขั้นตอนอย่างยุติธรรม โดยไม่มีเจตนาจ้องที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำผิด ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ผิด และดำเนินการตามกฎหมาย แต่เรากังวลสิ่งที่เผยแพร่ไปสู่สาธารณชน อย่างที่พวกเราได้ยินได้ฟัง ซึ่งต้องดูว่ากลุ่มที่ทำ ทําโดยเสียงประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่ กลไกต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาสันติสุข ระดับตำบล ที่ผ่านมาเราก็รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งต้องดูว่าสิ่งเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร

 

 

เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าทำไมจึงมารุกคืบประเด็นนี้รุกแรงในช่วงเวลานี้ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน ซึ่งเรามีฐานข้อมูลเดินอยู่พอสมควร ในความโยงใย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำมา คือพยายามทำความเข้าใจมาโดยตลอด ถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องการให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ดีกินดี ปลอดภัย ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนในสิ่งที่พื้นที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสังคม ศาสนา วัฒนธรรม และการศึกษา ถ้าดูแผนงานต่างๆ ในสิ่งที่รัฐบาลทำได้พยายามตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ แม้บางส่วนอาจจะมีความคิดอย่างที่ทราบ แต่เราก็ต้องพยายามอธิบายทำความเข้าใจถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ฝ่ายความมั่นคง มีหลักฐานว่าพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า จากการจัดกิจกรรม เท่าที่ทราบเห็นว่ามีพรรคการเมืองเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง ตรงนี้ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งต้องอยู่ในผลการสอบสวนอยู่แล้วว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง

 

เมื่อถามว่า โยงไปถึงพรรคการเมืองที่หาเสียงในช่วงเลือกตั้งด้วยหรือไม่ ที่มีการหาเสียงว่าจังหวัดภาคใต้ต้องมีนายกฯเป็นของตัวเอง พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ถ้าสังเกตการหาเสียงเลือกตั้ง ค่อนข้างจะสุดโต่ง แรง และหลายเรื่องที่ทาง สมช.มีข้อกังวล แต่หลังผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นแม้จะยังไม่มีการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ตาม จะเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองที่พยายามพูดถึงนโยบายที่จะทำต่อไป ตนคิดว่านโยบายเหล่านั้นนุ่มนวลลง และจากการเก็บรายละเอียด ดูเหมือนว่านโยบายส่วนใหญ่สอดคล้องกับที่เราพยายามทำอยู่ ทั้งนี้ ข้อมูลเดิมไม่ว่าอะไรก็ตามที่เชื่อมโยงกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย ต้องถูกนำมาพิจารณาทั้งหมด

 

เมื่อถามว่า สมช.สามารถเอาผิดจากนักการเมืองได้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เมื่อถามว่า สมช.ได้คุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองที่หาเสียงลักษณะนั้นแล้วหรือยัง พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย แต่ความจริงแล้วน่าจะทราบกันว่า สมช.กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พูดชัดเจนเรื่องนโยบายแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้พูดชัดเจนมาตลอด ทั้งในสภาและ ครม. ถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เรามีนโยบายชัดเจน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นยังเป็นเรื่องภายใน ยังไม่มีแรงจากนอกประเทศสนับสนุนใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ยังไม่มี แต่เรายังไม่ได้ตัด หากพบว่ามี ซึ่งทุกวันนี้เราได้พูดคุยกับต่างประเทศทั้งระดับนโยบายทั้งหมด และฝ่ายต่างประเทศและองค์กรต่างประเทศก็ลงไปรับทราบสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการพูดคุยอย่างใกล้ชิดมาตลอด

 

เมื่อถามว่า องค์กรต่างประเทศจะลงพื้นที่ต้องขออนุญาตหน่วยงานใดหรือไม่ พล. อ.สุพจน์กล่าวว่า หากองค์กรประสงค์จะลงพื้นที่ต้องแจ้งกระทรวงต่างประเทศ จากนั้นจะพูดคุยกับ สมช.ถึงความต้องการและวัตถุประสงค์ หากดูแลไม่กระทบกับเรื่องใดที่จะเกิดปัญหาต่อประเทศเรา ก็จะมีขั้นตอนให้ ศอ.บต.เป็นหน่วยรับผิดชอบพูดคุยกับหน่วยความมั่นคงอื่นๆ เพื่อองค์กรเหล่านั้นได้ลงพื้นที่ตามวัตถุประสงค์

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์ในเวทีมหาวิทยาลัยต่างๆ ต่อไปจะทำได้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ต้องดูเจตนาและข้อมูลว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่

 

เมื่อถามว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ตั้งข้อมูลความผิดหรือยัง พล.อ.สุพจน์บอกว่า ยัง อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เมื่อถามว่า การออกแบบสอบถามเพื่อทำประชามติเพื่อแบ่งแยกดินแดนตามที่เป็นข่าว สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ถ้าพูดถึงการลงประชามติเรื่องเอกราช มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญพูดชัดเจนว่าทำไม่ได้ ส่วนจะผิดกฎหมายมาตราย่อยอย่างไรต้องดูพฤติกรรมและหลักฐาน สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดย กอ.รมน.จะเป็นเจ้าภาพลงไปดำเนินการ ซึ่งวันนี้ได้เชิญกระทรวงยุติธรรม อัยการ มาพูดคุยแล้ว

 

เมื่อถามว่า พรรคการเมืองที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวผิดหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานว่ามีความผิด ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย

 

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางมหาวิทยาลัยต้องรับผิดชอบเหตุการณ์นี้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า กิจกรรมนี้ดูเผินๆ เป็นกิจกรรมทางวิชาการ ซึ่งในเนื้อหาสาระ มีทั้งเชิงวิชาการและกิจกรรมที่สุ่มเสี่ยง ฉะนั้นจึงเกิดประเด็นที่เป็นห่วง ต้องตรวจสอบและต้องทำความเข้าใจกับสังคม

 

เมื่อถามว่า จะมีการปกป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำรอยได้อย่างไร พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า เตรียมไว้แล้ว หน่วยงานในพื้นที่ได้รับมอบแนวทางไปทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้างในเรื่องต่างๆ อย่างเปิดกว้าง ส่วนกระบวนการใดที่ต้องยึดกฎหมาย ประเทศเรามีระบบชัดเจนอยู่แล้ว ที่จะต้องเสนอผ่านกระบวนการ

 

เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ติดตามปฏิกิริยาประชาชนในพื้นที่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า คิดว่าประชาชนเข้าใจว่าเราไม่ต้องการไปต่อสู้หรือปิดกั้นความคิด เพียงแต่ต้องดูบริบทในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินทางมาถึงจุดนี้แล้ว แม้จะมีบางเรื่องต้องปรับปรุงและพัฒนาแนวทางให้มีการก้าวหน้าต่อไป

 

ทั้งนี้ เราพยายามพูดคุยกับผู้เห็นต่างทางการเมืองมาโดยตลอด และทุกวันนี้มีการยกระดับให้มีการพูดคุยกว้างขวางยิ่งขึ้น ทุกภาคส่วน มิใช่แค่กลุ่มบีอาร์เอ็น หรือกลุ่มอะไรก็ตามที่อ้างตัวขึ้นมา เราได้รับฟัง พร้อมพยายามเชิญนักการเมืองและผู้ที่เป็นตัวตั้งตัวตีของประชาชนมาทำความเข้าใจ มาช่วยกันแก้ปัญหา

 

เมื่อถามว่า กิจกรรมดังกล่าวเกินคาดของฝ่ายความมั่นคงหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ไม่เกิน จริงๆ ที่ผ่านมามีกิจกรรมที่น่ากังวลเกิดขึ้น เนื่องด้วยที่เราสนับสนุนให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นถึงความต้องการภายใต้กรอบกฎหมายที่จะทำได้ เพื่อให้ประชาชน 3 จังหวัดเข้าใจรัฐบาล ไม่มีเจตนาไปกดขี่หรือบังคับ หรือมองว่าไม่ใช่กลุ่มประชาชนคนไทย เรามองว่าท่านคือคนไทย ให้แสดงออกในความต้องการภายใต้กฎหมาย จึงได้เกิดกิจกรรมลักษณะแบบนี้ขึ้นมา แต่อะไรที่ผิดกฎหมายต้องดำเนินการ สิ่งไหนที่ต้องทำความเข้าใจหรืออธิบายความเพื่อไม่ให้ทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วย

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคงทำงานลำบากหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ไม่ลำบาก โดยวันนี้ที่ประชุมก็คุยเรื่องนี้ โดยความกังวลในฐานะ สมช. ดูแลความมั่นคงภาพรวม เราพูดชัดเจนว่าหน่วยงานความมั่นคงต้องทำงานบนพื้นฐานข้อเท็จจริง ตามข้อมูลการวิเคราะห์ แผนการแก้ปัญหาและการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ก็จะนำเสนอข้อมูลตามบทบาทหน้าที่

 

เมื่อถามว่า มีการประเมินความมั่นคงในประเทศ มีอะไรน่ากังวลหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ในเรื่องการชุมนุมหรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือการก่อความไม่สงบ ถือเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราต้องเตรียม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นกลไกหลักในการเตรียมการ และ ผบ.ตร.รับทราบเตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมในวันนี้จะสรุปต่อนายกฯต่อไป

 

เมื่อถามว่า พร้อมรับมือกับการปลุกระดมม็อบกดดัน ส.ว.ที่จะมีการโหวตนายกฯคนใหม่ด้วยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ต้องพร้อม ถ้าออกมาชุมนุมสงบ เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องดูแลอำนวยความสะดวกให้เกิดความปลอดภัยทุกฝ่าย แต่หากก่อเหตุร้ายเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปยุติเหตุ เมื่อถามว่าบุคคลที่โพสต์ปลุกระดมผ่านโซเชียลมีความผิดหรือไม่ พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ถือเป็นการแสดงความเห็นและเชิญชวน โดยที่เหตุยังไม่เกิด แต่ทางเจ้าที่ก็ต้องติดตามดำเนินการต่อไป

 

“ในฐานะ สมช. อยากทำความเข้าใจในฐานะหน่วยงานความมั่นคงพูดหลายครั้ง การที่ประเทศไทยจะเดินหน้าในทุกมิติอย่างราบรื่น จะต้องมีรัฐบาลที่มั่นคง และการชุมนุม หรือไม่มีเหตุเกิดขึ้นจะเป็นที่มั่นอกมั่นใจ ภาคเศรษฐกิจ ฉะนั้นถ้าทุกฝ่ายเดินหน้าไปตามกรอบกฎหมาย คิดว่าเราหน้าจะไปได้ดี” พล.อ.สุพจน์กล่าว

 

เมื่อถามว่า เหลือเวลาประมาณ 3 เดือน จะเกษียณอายุราชการ ได้วางตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นเลขาฯสมช.คนใหม่ เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วหรือยัง พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า ตนวางไม่ได้ เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีพิจารณา