ว่าที่ ส.ส.ดอนเมือง "อดีตคนไอทีวี" ยืนยัน เป็นไปได้ยาก itv ฟื้นคืนชีพ เหตุองค์ประกอบไม่ครบ สัมปทานก็ไม่มี บอกตอนนี้เป็นแค่ ตำนานและจิตวิญญาณ จี้หยุดขบวนการล้ม"พิธา" ลั่น สะเทือนใจ itv ตกเป็นเหยื่อการเมืองอีกรอบ
12 มิ.ย. 66 นายเอกราช อุดมอำนวย ว่าที่ ส.ส.ดอนเมือง พรรคก้าวไกล ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้สื่อข่าวของไอทีวี โพสต์จดหมายเลิกจ้างลงวันที่ 8 มีนาคม 2550 ซึ่งปรากฏข้อความที่มีเนื้อหาว่า ไอทีวีไม่สามารถดำเนินกิจการและดำเนินธุรกิจสถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้ตามกฎหมายอีกต่อไป
ทีมข่าวของเราไปพูดคุยกับนายเอกราช ซึ่งเจ้าตัวมั่นใจว่า เป็นไปได้ยากที่ itv จะกลับมาประกอบกิจการสื่อมวลชน เพราะในหนังสือเลิกจ้าง จะเห็นชัดว่า itv บอกเลิกลูกจ้าง ด้วยเหตุผลที่ว่า มีการบอกเลิกสัญญาจาก สปน. และจะไม่ดำเนินธุรกิจอีก ที่สำคัญคลื่นความถี่ที่ itv ใช้สมัยนั้น ตอนนี้ Thai PBS ใช้ไปแล้ว และ itv ก็ไม่ได้มีการประมูลคลื่นความถี่ทีวีดิจิตอลใหม่ ดังนั้น ตาม พรบ.กสทช ใหม่ ความเป็นสื่อที่จะเกิดขึ้นในสื่อโทรทัศน์มันไม่มีแล้ว ไอทีวีเป็นแค่ตำนานไม่สามารถคืนชีพกลับมาได้ และวันนี้ไม่ได้มีสถานะเป็นสื่อมวลชนตนยืนยัน องค์ประกอบของความเป็นสื่อไม่มี ไม่มีคลื่น ไม่มีช่องทาง ไม่มีใบอนุญาต
"มันเป็นไปไม่ได้แล้วก็ ใบอนุญาตก็ถูกลิป โอกาสที่ไอทีวีจะกลับมา มันไม่มี ตอนนี้ไอทีวีเป็นแค่ตำนาน เป็นแค่ตำนานอย่างเดียวและก็ไอทีวีคือผู้คน คือจิตวิญญาณ คือผู้สื่อข่าว คืออุดมการณ์ในการทำงาน แต่ถ้าจะบอกว่ากลับมาเป็นสถานีโทรทัศน์ ตอนนี้มันเป็นแค่ความทรงจำ"
เมื่แถาม ว่า หากมีการชนะคดีในชั้นศาลปกครอง จะกลับมาทำสื่อได้หรือไม่ นายเอกราช กล่าวว่า การชนะคดีเป็นเพียงการชดเชยให้กับผู้เสียหาย ที่ได้รับผลกระทบจากการบอกเลิกสัญญาสัมปทาน ของผู้ถือหุ้นที่เขามีสิทธิ์จะได้รับเงินชดเชย แต่ไม่ใช่การกลับมาประกอบกิจการอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่านายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย เคยพูดว่าหาก itv ชนะคดีในศาลปกครอง ก็มีโอกาสที่จะกลับมาทำงาน นายเอกราช.กล่าวว่า มันเป็นเรื่องมุมมองที่แตกต่างกัน คุณจิรายุ อาจมองแบบมีจินตนาการ แต่ในโลกของความเป็นจริงมันไม่มี บุคลากรเก่าๆ ก็แตกไปอยู่ทุกหัวระแหงของสื่อในประเทศไทยตอนนี้ แต่จะให้รวมกลับมาที่เป็นแบบช่องเดิม ไม่มีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงเลย
เมื่อถามว่า สื่อโทรทัศน์อาจไม่มีสัมปทาน แต่หากมองในแง่ของออนไลน์หรือสื่ออื่นๆก็สามารถประกอบกิจการได้ นายเอกราช กล่าวว่า เป็นเรื่องที่บริษัท itv ต้องไปขออนุญาต แต่เราต้องดูในความเป็นจริง ว่า เขาเลิกกิจการมาตั้งแต่ปี 50
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่านายพิธา อาจจะจบเพราะเรื่องนี้ นายเอกราช กล่าวยอมรับว่า มันมีขบวนการ พยายามที่จะปลุก itv ขึ้นมา เพื่อสกัดกั้นนายพิธา ซึ่งตนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจ เพราะเมื่ออดีต itv ก็ถูกเป็น เหยื่อทางการเมือง ถูกคณะรัฐประหาร มาปิดไป พอมาถึงยุคนี้ไอทีวี ก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อที่จะเล่นงาน นักการเมืองคนนึงที่ได้รับความนิยม ได้รับความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง สกัดไม่ให้ไปถึงเป้าหมาย ตนจึงขอเรียกร้องผู้ที่กำลัง เป็นสสารมืดอยู่ในสังคมไทยตอนนี้ ควรจะสลายตัวได้แล้ว ปล่อยให้ความสว่างเข้ามาดูแลบ้านเมือง ถ้าเราแพ้ในเกมเรายอมรับได้ แต่ถ้าเรามาแพ้ฟาล์วแบบนี้ สังคมอาจจะรับไม่ได้
เมื่แถามว่า หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า ก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งนายพิธา ควรที่จะเคลียร์ตัวเอง นายเอกราช กล่าวว่า หากไม่มีเรื่อง itv ก็น่าจะมีประเด็นอื่นมาเตะสกัดขาเขาอยู่ดี และต้องบอกว่าหุ้น itv กำลังอยู่ในชั้นศาล มันไม่ได้สามารถขายกันได้ แต่ก็ได้มีการพูดและแจ้งต่อ ป.ป.ช.แล้ว มันไม่ใช่เรื่องของการไม่ใยดี
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัว แม้จะเป็นว่าที่ ส.ส.แต่ก็ไม่กังวล ว่า ประเด็นนี้ จะทำให้ชวด ส.ส.หลังมีความพยายามเชื่อมโยงว่า หากนายพิธา ถูกตัดสินว่าขาดคุณสมบัติ ก็จะทำให้การเซ็นรับรองผู้สมัครลงรับเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลมีปัญหาตามไปด้วย