เด็ก 16 ถูกจี้เป็นกุลี ช่อง 8 สืบเจอซิ่งชนคน พ่อรู้ปรี่ใส่จนลูกรีบกราบ เพิ่งรู้วุ่นทั้งจังหวัด
กรณีน้องบอล อายุ 16 ปี ชาว จ.พัทลุง หายออกจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. 66 หลังประสบอุบัติเหตุรถชนจนได้รับบาดเจ็บและสลบคาที่ กระทั่งมีผู้พบเห็นอยู่บริเวณวงเวียนน้ำพุ และสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่
นายตั้ม พ่อน้องบอล เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ลูกชายได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดี ก่อนแจ้งตนให้ไปรับตัว ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นลูกได้รับบาดเจ็บและเมื่ออาการดีขึ้น ลูกก็เห็นว่าพ่อและอายังไม่ไปรับจึงเดินออกจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ทางด้านหลัง แล้วเดินไปเดินมาบริเวณดังกล่าวเพื่อหาทางกลับบ้าน แต่ลูกชายของตนเพิ่งมาจากจังหวัดพัทลุง และอาศัยอยู่ที่อำเภอหาดใหญ่ได้เพียง 3 เดือน จึงจำเส้นทางไม่ได้ จากนั้นก็ไปพบชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาจอดแล้วชักชวนขึ้นรถไปด้วย โดยบอกว่า จะพาไปส่งที่บ้าน ลูกชายจึงยอมขึ้นรถซ้อน 3 คน ปรากฏว่า ถูกพาตัวไปที่หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ และสั่งให้ไปขอเงินจากแม่ค้า ซึ่งแม่ค้าเห็นโพสต์ตามหาของพ่อเด็กทางเฟซบุ๊ก จึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้ง แต่ปรากฏว่า ลูกชายก็เดินข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่งของสถานีรถไฟ ทำให้คลาดกัน จากนั้นตนและครอบครัวก็ตามหาต่อเนื่อง
กระทั่งช่วงค่ำ ลูกชายได้รับการช่วยเหลือจากพลเมืองดี โทรศัพท์มาแจ้ง ตนก็เดินทางไปรับและได้พบกับลูกชายที่อยู่ในสภาพอิดโรย
ทีมข่าวช่อง 8 พบกับน้องบอล อายุ 16 ปี เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.ของวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตนเองขี่รถย้อนศรไปชนกับคู่กรณี ซึ่งตอนเกิดเหตุ ตนเองสลบไป แล้วก็ไปฟื้นขึ้นมาอีกทีที่โรงพยาบาล
จากนั้นช่วงเที่ยงของวันที่ 9 มิถุนายน ก่อนที่พ่อจะมารับกลับบ้าน ตนเองได้เดินออกไปหลังโรงพยาบาล เพื่อจะไปหารถกลับบ้านเอง แต่หาไม่เจอ ก็เลยเดินไปขอลูกชิ้นกับแม่ค้าที่อยู่หน้าโรงพยาบาลกิน ซึ่งตอนนั้นป้าแม่ค้า ใจดีมาก ให้ลูกชิ้นมากิน 5 ไม้ แล้วก็บอกทางให้ไปหารถกลับบ้าน ตนเองก็เลยเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งไปเจอกับผู้ชาย 2 คนขี่รถจยย.เข้ามาหา ยื่นเงินให้ 200 แล้วก็ชวนตนเองไปทำงานด้วย ซึ่งตอนนั้นด้วยความอยากทำงานก็เลยขึ้นรถโดยการซ้อนตรงกลางไปกับผู้ชายทั้งสองคน พอไปถึงสภาพที่เห็น มันเป็นโกดัง มีเด็กๆ และผู้ใหญ่ทำงานอยู่หลายคน พอไปถึงผู้ชาย 2 คนนั้นก็ใช้ให้ตนเองไปแบกข้าวสาร ซึ่งข้าวสารมีน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัม ผมเหนื่อยมาก ผมพยายามนั่งพักหลายรอบ แต่พี่ผู้ชาย 2 คน ก็เอาปืนมาขู่ บอกถ้าไม่ทำงานจะยิงผมให้ตาย ผมก็เลยอดทนทำงานให้เสร็จในคืนนั้น กระทั่งช่วงกลางดึก ผมรู้สึกไม่ไหว ผมก็เลยตัดสินใจปีนกำแพงหนีออกมา กระทั่งไปเจอพ่อที่กลางทาง ผมยืนยันที่ผมเล่าให้นักข่าวฟัง เป็นเรื่องจริง ทุกอย่างมันคือเรื่องจริง
แต่ทีมข่าวได้สังเกตท่าทีน้องบอล เวลาพูดไม่ยอมสบตา จึงถามย้ำกับน้องบอลว่า ถ้าเป็นความจริง หากวันนี้ตำรวจพาไปชี้จุดจำได้ไหมว่าตรงไหน จำหน้าผู้ชาย 2 คนนั้นได้ไหม รู้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากโกหกจะถูกดำเนินคดีทั้งพ่อทั้งลูก ซึ่งน้องบอลก็ตอบว่า ให้ผมไปชี้หรือพาผู้ชาย 2 คนนั้นมายืนต่อหน้า ผมก็จำอะไรไม่ได้ จนสุดท้าย ทีมข่าวได้ถามตรงๆ กับน้องบอลว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนเหนื่อยมาก ตำรวจไปหาวงจรปิดทั่วหาดใหญ่ก็ไม่พบภาพของน้องบอลขึ้นรถไปกับใคร
น้องบอล จึงยอมเปิดปากยอมรับว่า ผมโกหก ผมสร้างเรื่องขึ้นมา ผมไม่กล้ากลับบ้าน ผมกลัวพ่อตีเรื่องขี่รถไปชนกับชาวบ้าน ตอนที่ผมหายไป ไม่มีใครมาอุ้มผมทั้งนั้น ผมเดินไปนอนอยู่ที่หอนาฬิกา ผมไม่อยากกลับบ้าน ซึ่งก่อนที่พ่อผมจะไปเจอ ผมคิดอยู่แล้วว่าครบ 3 วันผมจะกลับบ้านเอง แต่พ่อดันมาเจอเสียก่อน ก็เลยสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกพ่อให้พ่อไม่โกรธ วันนี้ผมยอมรับกับช่อง 8 ผมขอโทษสังคมและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ออกตามหาผม ผมทำไปโดยไม่ได้คิด และผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ และหลังจากนี้ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว
หลังจากน้องบอลรับสารภาพกับช่อง 8 ทีมข่าวก็เลยโทรศัพท์ไปตามพ่อกลับมาที่บ้าน โดยพ่อบอกว่าให้รอก่อนตอนนี้ยุ่งมาก เนื่องจากกำลังเคลียร์กับผู้เสียหายที่น้องบอลขี่รถไปชนในวันเกิดเหตุ ซึ่งพ่อนัดกับทีมข่าวว่าจะถึงบ้านประมาณ 16.30 น. จนกระทั่งพ่อได้ขับรถกลับมา แต่ปรากฏว่า พอมาถึงพ่อก็โวยวายใส่นักข่าว โดยให้เหตุผลว่า รู้ไหมมาทำข่าวกันแบบนี้ ครอบครัวผมเดือดร้อน หากคนที่อุ้มลูกผมไปมันรู้จักบ้านแล้วมันมาดักยิงผมกับลูก ใครจะรับผิดชอบ ซึ่งพ่อก็หันไปชี้หน้าด่าน้องบอล ทำนองว่ามึงสร้างแต่ความเดือดร้อน รู้ไหมกูไม่ได้หลับได้นอน แล้วก็ยังต้องหาเงิน 6 หมื่น 7 หมื่นไปเคลียร์ให้กับผู้เสียหาย มึงไม่ต้องมานั่งร้องไห้
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมข่าวรวมถึงสื่อมวลชนประจำจังหวัดสงขลา ก็เข้าไปช่วยกันบอกให้พ่อใจเย็น ค่อยๆ ฟัง ไม่มีใครอุ้มลูกพ่อไปทั้งนั้น ลูกพ่อไม่กล้ากลับบ้าน กระทั่งน้องบอลได้เดินร้องไห้เข้ามากอดพ่อ แล้วก็ก้มลงไปกราบขอโทษพ่อ จนพ่อน้ำตาไหล และพยักหน้ากอดลูกด้วยความเป็นห่วง
ด้านพ่อเปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนเองยอมรับว่าที่ผ่านมา ก็เคยตีลูกบ่อย เนื่องจากลูกคนนี้ติดเกม เปิดร้านขายของให้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ได้เงินมาก็เอาไปเติมเกม ซื้อบุหรี่สูบจนหมด ที่ผ่านมา ตนเองเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว ยืนยันไม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนไม่ดี ที่สำคัญย้ำอยู่ตลอดเวลาขี่รถออกไปจากบ้าน อย่าขี่รถย้อนศร แต่ลูกก็ไม่เคยฟัง จนขี่รถไปชนให้เดือนร้อน ยอมรับระหว่างที่ลูกหายตัวไป ออกไปตามหาลูกทุกวัน กินนอนไม่ได้ ขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือนร้อน ยอมรับว่าดูแลลูกไม่ดีเอง หลังจากนี้สัญญาว่าจะดูแลลูกให้ดีที่สุด
ขณะที่ ทีมข่าวได้ภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดส่วนวงจรปิดในวันเกิดเหตุ ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า น้องบอลขี่รถย้อนศรไปชนกับพนักงานเซเว่น แล้วก็ไม่ได้สลบไปตามที่เจ้าตัวพูดแต่แรก ซึ่งในภาพจะเห็นว่า หลังน้องบอลเกิดอุบัติเหตุ เจ้าตัวลุกขึ้นมาเดินได้ทันที และได้เดินไปเข็นรถเข้าไปข้างทางโดยไม่ได้นอนสลบตามคำกล่าวอ้าง