แม่ค้า ร้านข้าวไข่เจียวหน้าโรงเรียน ที่ จ.ชัยภูมิ อั้นไม่ไหว ต้องขอขึ้นราคาเมนูข้าวไข่เจียว หลังไข่ไก่ และวัตถุดิบอื่น ๆ มีการปรับราคาสูงขึ้น
วันที่ 13 มิย.66 ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ หลังจากที่มีการปรับราคา ของไข่ไก่ และสินค้าต่าง ๆ ราคาสูงขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้วัตถุดิบในการประกอบอาหารเพื่อ ที่นำมาขายให้กับเด็กนักเรียนหลังเลิกเรียน สูงขึ้นตาม ทำให้บรรดาแม่ค้าที่ขายของหน้าโรงเรียนต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ต้องปรับราคา ตามขึ้นมาเพื่อให้อยู่รอดได้
โดยในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ล่าสุดไข่ไก่มีการปรับราคาขายสูงขึ้นอีกเฉลี่ยแผง 30 ฟอง ขึ้นไปแผงละ 8 บาท โดยไข่ไก่เบอร์ 0 แผงละ 145 บาท / เบอร์ 1 แผงละ 145 บาท / เบอร์ 2 แผงละ 130 บาท / เบอร์ 3 แผงละ 125 บาท / เบอร์ 4 แผงละ 120 บาท เมื่อไข่ไก่ปรับราคาสูงขึ้น ทำให้แม่ค้าขายข้าวกล่องกะเพราไข่ดาว หน้าโรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ ขอปรับราคาขึ้นจากกล่องละ 10 บาท เป็นกล่องละ 15 บาท
จากการสอบถามนางสาวอัญชลี แนวโนนทัน อายุ 43 ปี แม่ค้าขายข้าวไข่เจียว หน้าโรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ บอกว่า ตนเองขายข้าวไข่เจียว ไข่ดาว กะเพรา ช่วงหลังเลิกเรียน เป็นหนึ่งร้านค้าที่เป็นนิยมมากของเด็กนักเรียน ที่ขายอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลชัยภูมิ โดยได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าตอนนี้ราคาสินค้าในการทำข้าวไข่เจียวไข่ดาว นั้นมีการปรับราคาสูงขึ้นเกือบทุกอย่าง โดยเมื่อก่อนนี้ตนจะขายในราคาอยู่ที่ กล่องละ 10 บาท แต่มาช่วงนี้ข้าวของมีราคาสูงขึ้นแทบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันพืช แก๊สหุงต้ม และที่สำคัญที่ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ คือไข่ไก่ฟองเล็กยังขาดตลาด จึงจำเป็นต้องใช้ไข่เบอร์ 1 จากเมื่อก่อนจะใช้ไข่ไก่เบอร์ 3 โดยเมื่อก่อนไข่ไก่จะตกอยู่แพงละ 110 แต่ตอนนี้ ใช้ไข่เบอร์ 1 ราคาจะอยู่ที่ 135-140 ทำให้ตนต้องบอกเด็กนักเรียนที่มาซื้อของที่ร้านตนว่าตอนนี้จำเป็นเป็นต้องปรับราคาขึ้นจากเดิมข้าวไข่เจียวจะขายกล่องละ 10 บาท ตอนนี้ขอปรับเป็นกล่องละ 15 บาท แต่ตนสงสารเด็กกลัวเด็กจะไม่อิ่มจึงได้ทำเพิ่ม ผัดกะเพราวุ้นเส้น หรือผัดไก่ หมูทอด
เพื่อให้เด็กเลือกเพิ่มได้ จะเป็นข้าวไข่เจียว ไข่ดาว แถม ผัดกะเพราวุ้นเส้น แต่อยู่ในราคาที่ 15 บาท ต่อ 1 กล่อง เหตุที่ต้องเพิ่มกับข้าวเข้าไปนั้น เพราะกลัวเด็กจะไม่อิ่ม สงสารเด็ก เลย แต่เราเลือกที่กับข้าวที่ลงทุนไม่เยอะ ทำแล้วเด็กชอบ อร่อย เลยได้เมนูนี่เพิ่มขึ้นมา แต่ถ้าจะให้กลับไปขายกล่องละ 10 บาท เหมือนเคยก็คงทำไม่ได้เพราะค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูงขึ้นจากเดิมมาก แต่ถามว่าที่ขายในราคา 15 บาทนี้ ได้กำไรมากไหม ตอบเลยได้ไม่มาก แต่เน้นอาศัยขายในปริมาณจำนวนมาก ได้กำไรน้อยหน่อย แต่ถือว่ายังพอไหวในช่วงนี้ จึงอยากฝากผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องข้าวของที่แพงขึ้นทุกวัน และช่วยปรับราคาให้ลงกว่านี้ จะได้เป็นผลดีกับประชาชนทั่วไป