ตำรวจไซเบอร์ จับม้ากดเงินไทย ส่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชา อ้างเป็น ตำรวจสงขลา โทรหลอกเงินเหยื่อกว่า 1.3 แสนบาท
วันที่ 13 มิ.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รองผบช.สอท. สั่งกาารให้ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ ทัพวงษ์ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพ็ชร รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 พ.ต.ท.สุทธิชัย เทียนโพธิ์ รอง ผกก.3 สอท.5 จับกุมนายอัษฎา อมรศยามล อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1745/2566 ลงวันที่ 7 มิ.ย.2566 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
โดยจับกุมได้ขณะเดินทางเข้าประเทศบริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ว่ามีโทรศัพท์โทรมาหาแจ้งว่าเป็นพนักงานไปรษณีย์ไทย สาขาสงขลา แจ้งว่ามีพัสดุตกค้าง โดยพัสดุดังกล่าวโดนอายัดเนื่องจากซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมาย และได้แจ้งว่าจะโอนสายโทรศัพท์ให้ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นได้มีเสียงปลายทางเป็นผู้ชาย แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ต้องการแจ้งความเรื่องอะไร ถ้าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อทางโทรศัพท์ไม่สะดวก อาจมีประชาชนคนอื่นโทรมาแจ้งความ จึงขอไลน์ไอดี เพื่อแอดไลน์ และได้โทรหาผ่านทางไลน์ โดยใช้ชื่อโปรไฟล์ไลน์ว่า สภ.เมืองสงขลา ใช้รูปโปรไฟล์ไลน์ตำรวจภูธรเมืองสงขลา พร้อมทั้งได้เปิดกล้องเพื่อพูดคุยทางวิดีโอคอล โดยให้ผู้เสียหาย โอนเงินในบัญชีของผู้เสียหาย และบุคคลภายในครอบครัวส่งไปตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และหากตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ก็จะโอนเงินกลับคืนมาให้ภายใน 30 นาที ผู้เสียหายเกิดความกลัวและหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปให้ชายคนดังกล่าว รวมการโอนเงินทั้งหมด 4 ครั้ง รวม 132,279.36 บาท สุดท้ายหลังโอนเงินกลับติดต่อกับกลุ่มคนร้ายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ ผู้เสียหายได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่ตำรวจภูธรเมืองสงขลา เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าน่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินจึงแจ้งความ
หลังรับเรื่องชุดสืบสวนได้สืบสวนจนพบว่ามีการโอนเงินไปยังขบวนการคอลเซ็นเตอร์ 4 บัญชี จึงรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ และจับกุมได้ 3 รายซึ่งเป็นบัญชีม้าแถว 1-4 เหลือเพียงผู้ต้องหาอีก 1 รายที่ยังคงหลบหนี โดยจากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาทำหน้าที่เป็นม้ากดเงิน (แถว4 ) แล้วนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายจำนวน 132,278.36 บาท ไปส่งให้บอสที่ฝั่งประเทศกัมพูชา โดยจะใช้จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกในการเดินทางข้ามไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน จึงนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป