"พล.อ.ประยุทธ์" นำประชุม ครม. ปัดตอบคำถามปมไอทีวี และแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ไล่สื่อไปดูพลังงานแสงอาทิตย์เทียม บอกอะไรที่ไม่มีประโยชน์อย่ามาถาม ด้าน "พล.อ.ประวิตร" รูดซิปปาก เดินหน้านิ่ง จับตาวาระ ครม. ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินชายแดนใต้ ครั้งที่ 72

วันที่ 13 มิ.ย. 2566 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยระหว่างเดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกสันติไมตรี มีนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเดินประกบ พร้อมด้วยนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขณะที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรอรับที่ตึกสันติไมตรี

โดยนายกฯรับไหว้สื่อมวลชน ก่อนชี้เข้าไปในตึกสันติไมตรีพร้อมบอกว่า “อนาคตของไทยอยู่ตรงนี้” เนื่องจากเช้านี้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมีการประชาสัมพันธ์และรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับเครื่องโทคาแมค TT-1 (Thailand Tokamak I : TT-1) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิวชันเครื่องแรกของไทย ก่อนการประชุม

ขณะที่พลเอกอนุพงษ์พูดหยอกล้อกับผู้สื่อข่าวว่า “อยากจะให้สัมภาษณ์จริงๆ(เสียงสูง)”

หลังชมนิทรรศการแล้วเสร็จ นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยพลเอกอนุพงษ์ เดินกลับไปยังห้องสีเหลืองเพื่อจะเข้าประชุม ครม. อย่างอารมณ์ดี โดยบอกให้สื่อไปชมนิทรรศการพลังงานแสงอาทิตย์เทียม ก่อนจะเดินไปห้องประชุม และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องปัญหาหุ้นไอทีวี และการแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว นายกรัฐมนตรีเดินไปพร้อมกับมาโบกมือคล้ายปฏิเสธก่อนจะบอกว่า”เรื่องที่ไม่มีสาระอย่ามาถาม” เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าถามเรื่องปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ให้เป็นเรื่องของหน่วยงานเขาแก้ปัญหา ถามเราได้อย่างไรเล่า” เมื่อถามต่อว่าจะแก้ปัญหาทันรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ นายกฯก็ไล่กลับไปดูพลังงานแสงอาทิตย์เทียมเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะบอกว่า “ที่มันมันประโยชน์ให้ไปดูโน่น อะไรที่ไม่มีประโยชน์อย่ามาถามฉัน”

 

ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางเข้าร่วมประชุม ครม. โดยมีสีหน้าเรียบเฉย โดยไม่ได้ทักทายสื่อมวลชน

สำหรับวาระการประชุมวันนี้ กระทรวงการคลัง เสนอการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล
ขณะเดียวกันต้องจับตาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แผนปฏิบัติการปรับลดพื้นที่การประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้วงปี 2566-2670 (ฉบับแก้ไข) ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร อ.สุไหโกลก อ.แว้ง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส, อ.ยะหริ่ง อ.มายอ อ.ไม้แก่น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ อ.เบตง อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2566 ออกไปจนถึงวันที่ 19 กันยายน 2566  ซึ่งเป็นการขยายเวลาครั้งที่ 72 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เป็นการป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่


ทั้งนี้การประชุมวันนี้ มีรัฐมนตรีลา 3 คน คือนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน / นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์