"พิธา" บอกรู้อยู่แล้วว่ามีกระบวนการฟื้นคืนชีพ itv มีคนส่งข้อมูลให้เรื่อยๆ มีมากกว่าที่เปิดเผย ส่วนเรื่องถูกสอบ ม.151 ชี้เป็นเรื่องที่คิดไว้แล้ว ยืนยันหลักฐานแน่นพร้อมชี้แจง กกต. - มอง "วิษณุ" เข้าใจคลาดเคลื่อน แม้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ลงชิงนายกได้ มั่นใจทุกกระบวนการสกัดไม่สามารถเปลี่ยนการเป็นนายกคนที่ 30 ได้
13 มิ.ย. 66 หลังพูดคุยกับสมาพันธ์ SME ไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนถามถึงคลิปการประชุม ผู้ถือหุ้นสื่อไอทีวี และขบวนการสกัดสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี ว่า ตามที่เคยได้โพสต์ไปก่อนหน้านี้ ว่า มีกระบวนการที่จะฟื้น itv ขึ้นมา ก่อนที่จะมีคลิปด้วยซ้ำ เพราะมีคนส่งข้อมูลมาให้ตนมากกว่าที่เห็นอยู่ในคลิป ซึ่งเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ทำเอกสาร การประชุมกับคลิป ก่อนที่จะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ขณะนี้คณะทำงานกฎหมายของทางพรรคได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากคนที่เกี่ยวข้อง ในกระบวนการเหล่านี้ที่ส่งข้อมูลเข้ามาให้
ส่วนที่ กกต.มีการหยิบมาตรา 151 มาวินิจฉัยนั้น ก็ไม่ได้หลุดไปจากฉากทัศน์ที่เราคิดเอาไว้แล้ว เพราะเคยเกิดขึ้นกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาก่อน และอาจจะมีการเข้าชื่อของ ส.ส.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาหรือศาลอาญาด้วย ซึ่งถ้าใครติดตามการเมืองก็น่าจะเดาออก ว่าอาจจะมี 3-4 ช่องทางที่จะเกิดขึ้น
ขณะนี้จะมีคนส่งข้อมูลมาถึงพรรคจำนวนมาก กับความไม่ชอบมาพากล แต่เราก็ยังไม่ฟันธงอะไร และตรวจเช็คข้อมูลและคลิปต่างๆว่าถูกต้องหรือไม่ และยืนยันว่าหลักกฎหมายพร้อม หลักฐานพร้อมที่จะสู้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการ
ส่วนข่าวที่ว่า กกต.จะเอาคลิปมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาคดีด้วยนั้น ตนเห็นจากข่าวว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง บอกเพียงว่าอาจจะนำเข้ามาประกอบการพิจารณา
เมื่อถามว่ากรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีของนายธนาธร ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนโหวตนายกฯ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็น เพราะเชื่อว่า การให้ข่าวของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีน่าจะคลาดเคลื่อน เพราะเมื่อปี 2562 ตนจำได้ว่าแม้นายธนาธร จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ยังสามารถเสนอชื่อเลือกนายกได้อยู่ดี ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการพิจารณา มาตรา 151 ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพราะความเป็น ส.ส.กับแคนดิเดตนายกไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
เมื่อถามว่า คลิปการประชุมผู้ถือหุ้น itv กับ บันทึกการประชุมที่ไม่ตรงกันอาจจะมีน้ำหนักไม่มากพอ ที่จะมาใช้ตามกฎหมาย หรือลบล้างข้อกล่าวหาการถือหุ้น itv ของนายพิธาได้นั้น นายพิธา กล่าวว่า จะต่อสู้ในทุกรายละเอียด ทุกขบวนความ และส่วนตัวเชื่อว่า สังคมน่าจะเทียบคดีย้อนหลังดูได้ ว่าศาลตัดสินออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกา ศาลอาญา ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าตัดสินด้วยบรรทัดฐานแบบไหน ก็จะต่อสู้ในแนวทางแบบนั้น ก่อนจะย้ำว่าตนมั่นใจในพยานหลักฐานและหลักกฎหมาย โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นความไม่ชอบมาพากล ความพิรุธในความพยายามสร้างหลักฐานขึ้นมาใหม่ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะต่อสู้คดีได้ ทุกรูปแบบ
เมื่อถามว่างบการเงินที่มีการยื่นให้กับกรมพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นรายได้ที่มาจากสื่อ จะทำให้นายพิธา เพลี่ยงพล้ำหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า ไม่ แต่ขอรับไปตรวจสอบดู ตามกฎหมาย ขอให้เป็นเรื่องของคณะทำงานด้านกฎหมาย
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมกรรมาธิการของวุฒิสภา มีการพูดถึงมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ หากมีการรับรอง ส.ส.แล้ว จะมีการเปิดช่องให้ ส.ส.หรือ สว. เข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกแต่ละสภา เพื่อส่งให้ประธานของสภานั้นๆส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของนายพิธา ได้ นายพิธา ยอมรับว่า เป็นสิ่งที่เราคิดไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น ที่คิดไว้อยู่ว่าจะเป็นการสกัดกั้น ไม่ให้ตนเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ว่าจะสกัดกั้นอย่างไร ก็ไม่ทำให้การเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหมดไป
ส่วนที่มีกระแสข่าว ว่าก่อนหน้านี้เคยมีเจ้าหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร เตือนว่า หากยังถือครองหุ้นไอทีวีอยู่ จะเป็นปัญหา ในอนาคต นายพิธายืนยันว่า ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่คนใด ทักท้วงหรือเตือนตนเองมาก่อน ขณะเดียวกันตนเองก็ได้ พูดคุยสอบถามกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมาโดยตลอดซึ่งก็ไม่มีปัญหา
ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินหลังจากการพ้นตำแหน่ง สส. ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลต่างๆอย่างละเอียด เพื่อให้รอบคอบที่สุด ก่อนที่จะยื่น ให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ภายในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ตามระเบียบของ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ตาม ระหว่างขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสนามบินได้มีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปและให้ดอกไม้ ซึ่งช่วงหนึ่งมีนักเรียนผู้ชายมาขอให้เซ็นลายเซ็นบนลูกฟุตบอล หลังนายพิธาเซ็นเสร็จน้องได้ร้องไห้ด้วยความปลื้มปิติดีใจ นายพิธาได้เข้าไปกอด ขณะเดียวกันก็ได้ร่วมถ่ายรูปกับนักเรียนที่มาร่วมงานในวันนี้ด้วย