แฉซื้อบ้านได้เพิงสังกะสีกองทุนล่มประธานโต้อมเงิน อนาถคนติดเตียงผ่อนลมหมดตัว
จากกรณีที่มีชาวบ้าน 30 คนหอบหลักฐานขอความช่วยเหลือกับทนายโป้ง หรือนายเกียรติคุณ ต้นยาง ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี และประธานชมรมทนายความจิตอาสา หลังซื้อบ้านโครงการมั่นคง ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ส่งเงินไปเป็นหลักแสนบาท ได้บ้านสภาพบ้านสังกะสี ผนังมีรู ผุพัง เทียบแคมป์คนงาน
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ไปดูโครงการดังกล่าวในซอยเลียบคลองเจ็ก ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ว่าได้ซื้อบ้านโครงการบ้านมั่นคง โครงการของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. เพื่อแก้ปัญหาความไม่มั่นคงเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย โดยชาวบ้านรวมตัวจัดตั้งสหกรณ์ออมเงิน ส่งเงินรายเดือนหลักพัน ทบให้ครบยอด 5 แสนกว่าบาท เพื่อกู้สินเชื่อสร้างบ้าน แต่มีการตั้งข้อสังเกตุเรื่องการเบิกงบของประธานโครงการ ที่ทำให้บ้านในฝันยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง กลายเป็นตอนนี้คนต้องอยู่ในบ้านพักชั่วคราว
สภาพบ้านที่ทีมข่าวเจอนั้น เป็นที่ดินที่มีบ้านชั่วคราวอยู่ 35 หลัง ตอนนี้มีคนอยู่จริงๆ 6 หลัง สภาพบ้านเป็นเพิงพักหลังคาสังกะสี วัสดุเสา-คานเป็นยูคาลิปตัส พื้นบ้านเป็นไม้อัด 15 มิลลิเมตร ปลูกบนดินเหนียว ยิ่งช่วงหน้าฝนมองเห็นน้ำขังใต้บ้าน ในบ้านเป็นห้องโล่งๆ ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำใช้รวมอาบน้ำ-ทำธุระส่วนตัวแยกเป็นเพิง ยิ่งช่วงลมพัดแรงๆ แรงลมพัดสังกะสีเสียงดังน่ากลัว ไม่พอบางทีลมหอบสังกะสีเปิดเปิง เกือบจะหล่นใส่คนที่อยู่แถวนั้น ทีมข่าวลัดเลาะดูบรรยากาศโดยรอบพบว่าพื้นดินมีน้ำเจิ่ง บางจุดยังไม่ได้ปรับพื้นที่ บางบ้านไม่มีคนอยู่อาศัย สภาพบ้านเริ่มทรุดโทรม ไม่รู้จะผ่านฤดูฝนรอบนี้ได้กี่วัน
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พบกับคุณลุงใหญ่ (นามสมมติ) ผู้ป่วยติดเตียงที่นอนอยู่ในเพิงดังกล่าวเพียงลำพัง คุณลุงขยับร่างกายได้เล็กน้อย คุยตอบโต้ทีมข่าวได้เป็นคำๆ จับใจความได้ว่า ลุงล้มเลยนอนป่วยติดเตียง ชีวิตลำบาก นอนอยู่ที่เตียงคนเดียว บ้านนี้อยู่แทบไม่ไหว มีน้ำรั่ว
ถามว่าลุงนอนอยู่แบบนี้ เวลาจะเรียกเพื่อนบ้านให้มาช่วยหยิบจับทำยังไง คุณลุงใหญ่สาธิตวิธีการ ค่อยๆ เอี้ยวตัวมาเกาะราวเตียง หยิบท่อนไม้ที่วางใกล้ตัว มาเคาะไปที่ฝาบ้านสังกะสี เป็นการส่งสัญญาณให้เพื่อนบ้านรู้ว่าลุงต้องการความช่วยเหลือ
ลุงจิตร หนึ่งในผู้ที่อาศัยในบ้านพักชั่วคราวบอกทีมข่าวว่ามาอยู่ที่นี่ปี 2563 เมื่อก่อนอยู่เป็น 10 หลัง ตอนนี้เหลือคนพักแค่ 6 หลังตอนนี้ไม่มีใครอยากมาอยู่แล้ว อันตรายมาก คิดว่าอยากจะย้าย ลุงเล่าถึงสภาพความเป็นอยู่ว่าฝนตกลงมาทีไม่ต้องห่วง ทุกอย่างในบ้านหลุดหมด ไม้ก็ผุ โครงหลักคาสภาพไม่ไหว ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ในมติที่ประชุมบ้านพักจะเสาปูน ผนังใช้ไม้อัดอย่างดี จะใช้ยิปซั่มปิด แต่พอทำเสร็จ ที่พักชั่วคราวใช้วัสดุคือสังกะสีล้วนๆ ลุงพูดท้อใจว่าที่อยู่เหมือนสลัม ก่อสร้างยังอยู่ดีกว่าลุง
ลุงตัดพ้อว่าบ้านพักชั่วคราวอยู่รอบ้านจริง แต่บ้านจริงยังไม่ได้สร้าง บอกให้รอมาตลอดลุงก็รอ แต่ “มันไม่จริงอยากที่เขาพูด” ซึ่งลุงส่งเงินช่วงแรกๆ บางเดือน 8,000 บาท บางเดือน 5,000 บาท บางเดือน 3,580 บาท พอดูว่าแปลกๆ ลุงชะลอจ่ายเงินมาปีกว่าแล้ว บางคนส่งไปตลอด เจอสภาพเงินหาย 5-6 หมื่น ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ไปถอนเงินแต่เงินหายไปไหน แถมเจ้าของไม่มีสิทธิ์ถอน เพราะคนที่ถอนเงินได้มี 3 คน คือนายปรีชา นางนิภาพร และนายณรงค์เท่านั้น ทำให้เกิดความสงสัยว่า 3 คนนี้จะรู้หรือไม่ว่าเงินของสมาชิกสหกรณ์ที่มี 127 คนนั้นหายไปไหน
ทีมข่าวได้เอกสารทะเบียนเงินออมทรัพย์ของสหกรณ์แห่งนี้ ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 พบว่าในเอกสารดังกล่าวมีรายชื่อสมาชิก แบ่งช่องเป็น1.เงินสะสมหุ้น (ฝาก-ถอน-ยอดคงเหลือ) 2.เงินฝากออมทรัพย์ (ฝาก-ถอน-ยอดคงเหลือ) 3.สมทบสวัสดิการ 4.บริหารจัดการ มีการถอนเงินออกจากบัญชีสมาชิกโดยไม่ให้เหตุผลและไม่ทราบว่าใครถอนเงินออกไป
ทีมข่าวเดินไปเจอบ้านป้าอ้วน ผู้อยู่อาศัย สภาพบ้านตอนนี้ เป็นห้องเล็กๆ ข้างในมีเตียง 2 หลังป้าอ้วนพักอยู่กันน้องชาย แต่เวลาเดินเข้าบ้านเข้าได้ทีละคน เพราะพื้นเริ่มรับน้ำหนักไม่ไหว มีลักษณะโก่งเหมือนหลังเต่า ทีมงานลองกลิ้งม้วนเทปใส ถ้าพื้นเรียบปกติต้องกลิ้งไปได้สุดห้อง แต่ปรากฎม้วนเทปกลิ้งกลับมาที่เดิมจุดปล่อยเทป เพราะไม่สามารถกลิ้งผ่านพื้นโค้งนูนได้ ในบ้านต้องจุดยากันยุงทิ้งไว้ตลอดเพราะยุงชุมมาก จังหวะลมแรงเสียงสังกะสีดังลั่น แถมประตูบ้านแทบไม่ทานแรงลม
ป้าอ้วนเล่าแบบน้ำตาซึมว่า มาอยู่ที่บ้านพักชั่วคราวตอนสร้างเสร็จในปี 2563 โดยประธานโครงการบอกป้าอ้วนว่า ให้อยู่บ้านพักชั่วคราวไปก่อนอีกสามเดือนเดี๋ยวบ้านในฝันก็เริ่มก่อสร้าง แต่จนแล้วจนรอดบ้านในฝัน ก็ยังอยู่ในฝัน ทุกวันนี้ไม่มีความสุข อยู่ในสภาพจำยอม โดนไล่ที่ต้องมาโดนแบบนี้เหมือนโดนโกง ป้าบอกเหมือนโดนทิ้ง ได้เงินมาไม่กินเอามาส่งบ้านหมด
มีประโยคที่ว่า “ใครออมเงินเข้าสหกรณ์มาก จะได้บ้านเร็ว” ทำให้ป้าอ้วนทำงาน หากู้เงินมาออมเพื่อบ้าน เพราะคนไม่มีบ้านก็อยากมีบ้าน ซึ่งป้าอ้วนส่งไปทั้งหมด 170,000 บาท แต่ที่ลงตัวเลขจริงกลายเป็นป้าอ้วนส่งไป 150,000 บาท มีคนเบิกเงินออกจากชื่อป้าอ้วน 56,000 บาท ไม่รู้เงินหายไปไหน ซึ่งป้าอ้วนเก็บใบสำคัญรับเงิน (มีภาพในกล้องใหญ่+ภาพนิ่ง) ที่ส่งตั้งแต่ปี 2559 มาจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ก็หยุดส่งเพราะไม่รู้จะได้บ้านหรือไม่
ป้าอ้วนโชว์สัญญาเช่าซื้อที่ดินโดยระบุชื่อสหกรณ์มีวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 รายละเอียดประกอบยอดชำระซื้อบ้านพื้นที่ 12.50 ตารางวา มีราคาที่ดิน หักเงินสมทบสมาชิกเช่าซื้อที่ดิน อัตราดอกเบี้ย รายละเอียดงวดชำระเงินรายเดือน 180 งวด งวดละ 1170 บาท
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายปรีชา (สงวนนามสกุล) ประธานโครงการฯ ชี้แจงว่าโครงการบ้านดังกล่าวสร้างบ้านให้ผู้ที่เดือดร้อนไม่มีที่อยู่อาศัย กรณีโดนไฟไหม้ ไล่ รื้อบ้าน
ส่วนบ้านพักชั่วคราวที่เป็นประเด็นไม่ได้เกี่ยวกับเงินออมของสมาชิกสหกรณ์ แต่เป็นงบสาธารณูปโภคของสถาบันพัฒนาชุมชน หรือพอช. เป็นเงินฟรีจากสถาบัน
ส่วนเงินออมสมาชิกออมปกติของใครของมัน เงินออมในรูปแบบของการซื้อที่ดิน สมาชิกบางคนขาดส่งค่าที่ดินกับสหกรณ์มาเป็นปีๆ ส่วนที่ไม่ออกมาชี้แจงเพราะตัวคุณปรีชาบอกว่าอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายคณะกรรมการชุดใหม่กับชุดเก่า ตัวคุณปรีชาเป็นชุดเก่า ส่งเอกสารทั้งหมดให้ทางคณะกรรมการชุดใหม่แล้ว
ส่วนประเด็นว่าเงินหายไปไหน คุณปรีชายืนยันว่าเอาไปชำระค่าที่ดินให้สถาบันการเงิน เพื่อให้โครงการไปต่อในการสร้างบ้านในโครงการ 102 หลัง แต่ตอนนั้นจดนิติกรรมเพื่อขอสินเชื่อมาซื้อที่ดินได้คนมา 95 คน ซึ่งยังไม่เต็มแปลงสร้างโครงการ พอจดนิติกรรมได้ก็ไปขอกู้เงินจากสถาบัน พร้อมๆ กับเงินออมที่มีพอจะซื้อที่ดิน หลังจากนั้น ก็ให้สมาชิกออมเงินเป็นค่าที่ดิน เพราะตอนนั้นซื้อที่ดินแล้ว
สมมติค่าที่ดินนายก. ราคา 1,250 บาท แต่นายก.จ่ายมา 1,500 บาท คิดว่าเป็นการออม แต่ไม่ใช่ เพราะต้องมาจ่ายค่าที่ดิน ค่าส่วนกลาง ค่าบริการจัดการให้ทางสหกรณ์ดำเนินการ ตรงนี้อาจจะทำให้สมาชิกเข้าใจผิดคิดว่าเงินออมมีเป็นแสน แต่จริงๆ จ่ายเป็นค่าที่ดิน แต่มีคนขาดส่ง ไม่ออมเงินเข้าสหกรณ์เป็นปีๆ เลยทำให้นำเสนอสินเชื่อไม่ได้ เพราะคนขาดออมกันเยอะ แต่มีทางออกคือสร้างบ้านให้เฉพาะคนที่อยู่
นักข่าวถามว่าโครงการไปต่อได้หรือไม่ คุณปรีชาบอกว่าจริงๆ โครงการไปต่อได้ ถ้าทุกคนจ่ายค่าที่ดิน และออมเงิน ตัวเขาเองก็ยังออมอยู่ มีวิธีการแต่ตัวเขาเองโดนตัดออกจากระบบแล้วทำอะไรไม่ได้ เจ้าตัวบอกว่าเรื่องนี้มาจากคนที่ขอลาออกจากสหกรณ์แล้วไม่ได้เงินแล้วโกรธ ชาวบ้านไม่ได้มีส่วนร่วมในโครงการ แต่กลายเป็นคนเดือดร้อนลุกขึ้นมาจัดการกันเอง ตัวผมไม่ได้ทุจริต
ตอนนี้เปลี่ยนถ่ายงานให้คณะกรรมการชุดใหม่ คนชุดใหม่กับชุดเก่าก็จ้องจับผิดกัน
ด้านนายสุพจน์ ทองอำนาจ กำนันตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่าโครงการนี้ช่วยผู้เดือดร้อนจากการโดนไล่จากชุมชนตลาดเก่า แล้วมาทำเป็นกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ เพื่อให้มีที่อยู่อาศัยโดยได้รับเงินทุนให้กู้ยืม ซึ่งโครงการเกิดขึ้นในปี 2559 มีทีมบริหารโครงการ ซึ่งทีมชุดแรกเกิดปัญหาทำให้สมาชิกเริ่มไม่ส่งเงินก็เกิดปัญหา เลยกลายเป็นส่งไม้ต่อให้กรรมการชุดที่สองดำเนินการ พอเข้ามาบริหารแล้วก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ สมาชิกก็ยิ่งถอนตัวไป จึงนำไปสู่การปิดสหกรณ์ เท่ากับโครงการล้ม ทั้งๆ ที่ไม่ทันได้สร้างที่อยู่อาศัยถาวร แต่มีการซื้อที่ดินแล้ว โครงการหยุดชะงักเพราะการบริหารงาน แต่ที่สร้างให้คนอยู่เพิงพักชั่วคราวไม่ควรอยู่นานขนาดนี้ เข้าหน้าฝนก็เรียบร้อย ความหวังไม่ไม่เกิดอยู่ต่อไปก็ไร้อนาคต
หลังจากนี้กำนันบอกว่าจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลโดยอาจจะมีการฟื้นสหกรณ์ขึ้นมาใหม่ แล้วดูสมาชิกว่ายังเหลืออยู่เท่าไหร่ เพื่อจะเดินหน้าโครงการต่อ