เด็ก 11 เดือนตายปริศนาเจอสมองกระเทือน พี่เลี้ยงอ้างล้มสะสมเจอแฉด่าเก่ง

จากรณีเด็กชายวัย 11 เดือน เสียชีวิตหลังเป็นเจ้าชายนิทรากว่า 2 อาทิตย์ ซึ่งแม่สงสัยลูกถูกทำร้ายจากเจ้าของเนิสเซอรี่ ในจังหวัดชลบุรีที่ไปฝากเลี้ยงไว้ โดยในวันนี้ (13มิ.ย.66)

นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลังพร้อมด้วยพ่อและแม่ นำร่างของน้องภูผา เด็กชายวัย 11 เดือน ที่เสียชีวิต เพื่อเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม ผ่าพิสูจน์ร่างของน้อง เพราะติดใจสาเหตุการเสียชีวิตหลังจากที่ได้นำน้องไปฝากเลี้ยงไว้ที่เนอสเซอรี่แห่งหนึ่ง ในอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี

 

น.ส พรนิภา คงสติ อายุ 23 ปี แม่ของเด็กเล่าว่า ปกติ ตาจะเป็นคนดูแลลูกชาย เพราะตนเองและสามีต้องทำงาน ต่างจังหวัด แต่เมื่อ 1 เดือนก่อน พ่อตนเองเสียชีวิตไม่มีคนดูแลลูก จึงนำไปฝากเนิสเซอร์รี่แห่งหนึ่งใกล้กับบ้านของตนเอง ใน อำเภอบ้านบึง จ.ชลบุรี ให้ช่วยดูแลลูกชาย ในราคา เดือนละ 5,000 บาท ไม่รวมค่านม ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เธอฝากเลี้ยงได้เพียง 1 เดือน กระทั่งวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อนบ้านโทรมาบอกสามีเธอว่า ลูกชาย ชัก เกร็ง ก่อนจะหมดสติไปซึ่งได้นำส่งโรงพยาบาลแล้ว ตนเองจึงรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล หมอแจ้งว่าจำเป็นต้องผ่าตัดสมองลูกชาย และการผ่าก็มีโอกาส 50:50 ที่ลูกชายจะดีขึ้น ตนจึงตัดสินใจให้หมอผ่าตัด แต่สุดท้ายลูกหัวใจหยุดเต้น มีเลือดออกทางสมอง หมอแจ้งว่าน้องมีโอกาสเป็นเจ้าชายนิทรา 100% และจากการผ่าตัดพบว่า เด็กได้รับการกระทะบกระเทือนรุนแรง พบแผลที่ศรีษะ ซึ่งภายนอกมองไม่เห็น พอโกนผมส่วนหนึ่งออกมีรอยบวมเล็กๆ และเมื่อผ่าตัดถึงรู้ว่ามีรอยช้ำในสมอง ด้านกลางศรีษะ ซึ่งเป็นบาดแผลที่น้องทำเองไม่ได้ คาดว่าเกิดจากกระแทกหรือตกจากที่สูง ลูกชายเธอรักษาตัวเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ 2 สัปดาห์และเพิ่งเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.)

แม่จึงถามกับพี่เลี้ยงที่ เนิสเซอร์รี่ อ้างว่า เด็กไม่ได้ล้ม ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าจะเกิดเหตุอาจเป็นช่วงที่เด็กพยายามหัดเดินเองแล้วล้ม ซึ่งเป็นการล้มแบบสะสมหลายครั้ง แม่บอกว่า พี่เลี้ยงตอบแบบมีพิรุธ เพราะพูดไม่ตรงกันสักวัน

แม่น้องระบุว่าก่อนหน้านี้ ฝากเนิสเซอร์รี่ เลี้ยง 1 เดือน ไม่มีผิดปกติ เห็นว่ารับเลี้ยงเด็ก มี 4-5 คน แต่ระยะหลังผู้ปกครองทยอยพาออกไป จนเหลือแค่ลูกของเธอ กับอีก1 คน มาทราบภายหลังว่า มีคนเคยเห็นเด็กในบ้านเนิสเซอร์รี่ ถูกตี หัวโน ผู้ปกครองจึงพากลับไป ทำให้เธอเชื่อว่าเหตุการณ์การเสียชีวิตของลูกชายไม่ปกติ อาจถูกทำร้าย

 

ขณะที่ กัน จอมพลัง เปิดเผยว่ารับเรื่องร้องเรียนจากแม่ มาตั้งแต่เกิดเรื่อง จนกระทั่ง น้องเสียชีวิต วันนี้จึงอยาก ให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือให้ถึงที่สุด ขอให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยชันสูตรว่าแผลเกิดจากอะไร และหลังจากที่ประสานฝากร่างน้องในการผ่าพิสูจน์ศพที่นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิตแล้ว จะดำเนินการประสาน กลับตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านบึง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีต่อไป

 

ด้านสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ของกระทรวงยุติธรรมระบุ จะรับศพไปชันสูตร หาสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งเท่าที่พูดคุยและดูเอกสาร เชื่อว่าหลังชันสูตรศพแล้ว ทางทฤษฎีจะสามารถบอกได้ ว่าอาการบาดเจ็บเกิดจากอะไร กันแน่ และยืนยันว่าจะช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม


ภายหลังจากที่ น.ส พรนิภา คงสติ อายุ 23 ปี และนายคมกฤช พึ่งทองหล่อ อายุ 35 ปี พ่อแม่เด็กชายวัย 11 เดือน นำร่างลูกชายใส่โลงศพขึ้นรถกู้ภัยเดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย กันจอมพลัง ได้เข้ายื่นเรื่องขอความช่วยเหลือกับ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แล้วก่อนที่จะเคลื่อนร่างน้องไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิต ได้ออกมาที่หน้ากระทรวงยุติธรรม ไปที่รถกู้ภัยที่ร่างของน้องนอนอยู่โลง ก่อนแม่ของน้องจะจุดธูปบอกร่างที่ไร้วิญญาณของน้องว่า “ หลับให้สบายนะลูกแม่จะทำทุกอย่างให้หนูได้รับความเป็นธรรม แม่รักหนูนะ”

 

โดย น.ส พรนิภา แม่ของน้องภูผา ได้เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุสามีของตนเองโทรบอกว่าลูกอยู่ ห้องฉุกเฉินของ โรงพยาบาล ก่อนที่แพทย์จะออกมาบอกว่าน้องมีโอกาสรอดเพียงแค่ 50 :50 % น้องมีอาการหนักมาก แต่ถ้าผ่าตัดก็จะมีโอกาสรอด ตนเองจึง เซ็นยินยอมทำการรักษา หลังเข้าน้องทำการผ่าตัดนานหลายชั่วโมงจนเสร็จสิ้น แพทย์ได้ออกมาบอกกับตนเองว่า ระหว่างผ่าตัดน้องหัวใจหยุดเต้นไปสองครั้ง ประมาณ 27 นาที ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอจึงทำให้น้องที่จะเป็นเจ้าชายนิทา แต่ถ้าฝืนมาได้ก็จะไม่เป็นปกติอาจจะเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

 

จนกระทั่งน้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแบบไม่รู้สึกตัวเป็นเวลา 3 อาทิตย์ และเมื่อวานนี้น้องก็จากไป ซึ่งก่อนหน้านี้พี่เลี้ยงไม่ได้แจ้งว่าน้องป่วยหรือมีอาการเป็นอะไร แต่มาบอกกับตนเองคือวันเกิดเหตุ วันที่น้องมีอาการหนัก ตนเองจึงเชื่อและมั่นใจว่าลูก โดนทำร้ายจนทำให้เสียชีวิต เพราะลูกของตนเองเป็นเด็กที่แข็งแรงไม่เคยมีโรคประจำตัวและเจ็บป่วยมาก่อนแต่อย่างใด และหลังเกิดเหตุตนเองได้สอบถามชาวบ้านจนทราบว่าพฤติกรรมของพี่เลี้ยงเป็นคนบุคลิกเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และสิ่งที่ทำให้ตนเองรู้แล้วปวดใจมากที่สุดคือลูกถูกตีบ่อยครั้งซึ่งพี่เลี้ยงอ้างกับชาวบ้านว่าลูกตัวเองร้องงอแงอย่างมาก จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตนรู้สึกโทษตัวเองที่ไม่สามารถดูแลลูกได้

 

ขณะที่ นายคมกฤช พึ่งทองหล่อ อายุ 35 ปี พ่อของเด็กที่เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนกับแม่เด็กต้องทำงานที่กรุงเทพฯ จึงตัดสินใจฝากเนอสเซอรี่รับเลี้ยงลูกลักษณะอยู่ประจำ โดยจ้างดูและเป็นรายเดือน 5000 บาท ไม่รวมค่านมกับแพมเพิส

กระทั่งวันที่ 22 พฤษภาคม เดือนที่แล้ว จู่ๆเพื่อนโทรมาบอกว่า พี่เลี้ยงเนอร์สเซอรี่วิ่งมาตามหาคนไปส่งลูกชายที่โรงพยาบาล เพราะเกิดอาการชักเกร็ง ร้องกลั้น จนหมดสติ ซึ่งควรเป็นเนอสเซอรี่ที่โทรแจ้งผู้ปกครอง แต่กลับเป็นเพื่อนของตนที่โทรมาบอก โดยเพื่อนบอกว่า ระหว่างนั้นเจ้าของเนอสเซอรี่เดินทางไปส่งเด็กที่โรงพยาบาลด้วย แต่ไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อถึงโรงพยาบาล หมอบอกว่าลูกชายต้องได้รับการผ่าตัดด่วน ซึ่งจะต้องเป็นพ่อและแม่ในการเซ็นรับรอง จึงรีบเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อรีบให้ลูกได้เข้าสู่ขั้นตอนการผ่าตัด ซึ่งตอนนั้นเพิ่งจะรู้จากหมอว่าลูกมีแผลกลางศีรษะลึก สันนิษฐานว่าเกิดจากการกระแทกอย่างแรงหรือตกจากที่สูง โดยบาดแผลเกิดขึ้นมาอย่างน้อย 3 วันแล้ว หมอบอกว่า ถ้ามาตั้งแต่ 3 วันก่อน โอกาสลูกจะรอดชีวิตมีมากกว่านี้

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ ไปยังบ้านเอื้ออาทรหนองแก อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่รับเลี้ยงเด็กและเป็นจุดเกิดเหตุที่น้องภูผาเสียชีวิต พบว่าเป็นบ้านสองชั้น หน้าบ้านพบรถหัดเดินของเด็กพร้อมอุปกรณ์การเล่นของเด็ก สวนภายในบ้านไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่มีการล็อคประตูจากหน้าบ้านทราบจากชาวบ้านว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้มาเชิญตัวพี่เลี้ยงไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรบ้านบึง แล้วตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถาม นางสาวอ้อ นามสมมติ อายุ 37 ปี หนึ่งในพยานปากสำคัญ ซึ่งอยู่บ้านใกล้กับเนิสเซอร์รี่ที่เกิดเหตุ และยังเป็นผู้ที่พาน้องภูผา ไปส่งโรงพยาบาล เล่าว่า ช่วงเย็น วันที่ 22 พ.ค. 2566 แม่ยีนส์ พี่เลี้ยงเด็ก วิ่งมาขอความช่วยเหลือ จากตนเอง เพื่อให้พา น้องภูผา ส่งโรงพยาบาล บอกว่า น้องชักเกร็ง ซึ่งภาพที่เห็นคือ เด็กสวมเพียงเสื้อ แต่ไม่ใส่กางเกง เอาผ้าห่อไว้ ตัวเด็กแน่นิ่งไปแล้วหายใจติดขัด ระหว่างทางที่พาไปส่ง พี่เลี้ยง พยายามตบตูดเรียกชื่อ เด็กมีอาการชักเกร็งขึ้นมาอีก ตนเองจึงรีบโทรบอกพ่อและแม่เด็ก ว่าให้รีบมาดูลูกเพราะทั้ง 2 คน อยู่ต่างจังหวัด พอไปถึงโรงพยาบาล นำเด็กส่งถึงมือแพทย์ ไม่นานแพทย์ก็เดินกลับออกมาสีหน้าเคร่งเครียดถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก ใครอยู่กับเด็กเป็นคนสุดท้าย ทำไมเด็กถึงเลือดออกในสมอง จากนั้นก็เรียกพี่เลี้ยงเด็กเข้าไปในห้อง แต่ไม่รู้ว่าพูดคุยอะไรกันบ้าง ตนเองจึงขอตัวกลับก่อน และรีบโทรบอกแม่เด็กอักครั้งว่า เด็กมีอาการหนักมาก ให้รีบมาให้เร็วที่สุด พยานคนนี้ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาได้ยินเสียงเด็กร้องเป็นประจำจากบ้านแม่ยีนส์ และเห็นเด็กคนอื่นถูกตีและเห็นแม่ยีนส์เวลาตีเด็กมีลักษณะเป็นคนอารมณ์ร้าย และมีเด็กร้องไห้ถูกตีทุกวัน และตนเอวจึงมั่นใจว่าน้องภูผาถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างเพราะตนเองไม่เห็น มีแต่เพียงเสียงน้องร้องทุกวัน

 

 

ล้มสะสม เด็กตายเอง?