ช่อง 8 สานฝัน "โย่ง ดาวพระศุกร์" กอดแม่ในรอบ 18 ปี โต้หนีพ่อทารุณไม่คิดฉกเงินเปย์หญิง
กรณีน้องโย่ง (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ขอความช่วยเหลือตามหาแม่ หลังพลัดพรากจากกันนาน 18 ปี ต้องทนอยู่กับครอบครัวพ่อติดยาเสพติด ถูกแม่เลี้ยงใช้ความรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก จนทนไม่ไหวหนีออกไปหางานทำ และออกตามหาแม่ จนกระทั่งมาหาตำรวจขอให้ช่วยเหลือพาไปส่งที่บ้านแม่ในจังหวัดศรีสะเกษ แต่เมื่อไปถึงพบเพียงยายอยู่ที่บ้าน และทั้งสองได้โผเข้ากอดกัน โดยยายเชื่อว่าน้องโย่งเป็นหลานจริง
ขณะที่ทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดตามหาแม่ของน้องโย่งจนเจอตัว พบว่า ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และได้เปิดเผยกับทีมข่าว ยืนยันว่า น้องโย่งพลัดพรากจากแม่จริง ตั้งแต่ตอนอายุ 4 เดือน
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวก็ได้ไปพบพ่อของน้องโย่ง ที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีญาติฝ่ายพ่ออ้างว่า พ่อน้องโย่งเคยยัดยาบ้าใส่กระเป๋ากางเกงโย่งขณะขับรถบรรทุก จนโย่งถูกจับส่งสถานพินิจ โดยพ่อของน้องโย่งปฏิเสธว่าไม่จริง พ่อไม่เคยทำเรื่องนี้ แต่กลับเป็นฝ่ายโย่งที่ติดผู้หญิง นำเงินที่บ้านไปให้ผู้หญิง และไม่เคยตีโย่งเลย
ล่าสุด วันนี้ (13 มิ.ย.) น้องโย่งได้พบกับ น.ส.สายชล อายุ 47 ปี แม่ของน้องโย่ง ที่บ้านโนนสังข์ ตำบลโพนเขวา อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งทั้งสองได้กอดกันร้องไห้
ผู้สื่อข่าวได้คุยกับนางสายชล เล่าทั้งน้ำตาคลอว่า หลังคลอดลูกชายได้ 4 เดือน ตนเองและสามีพร้อมกับลูกชายได้ย้ายไปเปิดร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ในอำเภอเมืองศรีสะเกษ ช่วงที่อยู่กับอดีตสามีชอบทำร้ายร่างกายตนเอง และมักทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนกระทั่งได้ประมาณ 1 ปี ตนเองและสามีทะเลาะกันบ่อยขึ้น สามีจึงได้แอบขายอุปกรณ์ซ่อมรถจักรยานยนต์ทิ้งหมด และพาลูกชายหนีไปที่จังหวัดสุพรรณบุรี หลังสามีพาลูกชายหนีไป ได้ขาดการติดต่อกันไปเลย ตนเองก็ไม่สามารถออกตามหาลูกชายได้
จนกระทั่งเมื่อเช้าเดินทางมาจากกรุงเทพมาถึงบ้านเมื่อเช้า ตอนนั้นลูกชายกำลังนอนหลับอยู่ ตนเองก็ไปปลุกลูกชายขึ้นมากอด ลูกชายก็ลุกขึ้นมากอดตนเอง ส่วนความรู้สึกที่เห็นหน้าลูกดีใจมาก จนไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้เลย เพราะ 18 ปีที่ไม่ได้เจอหน้ากัน คิดว่าลูกจะลืมตนเองไปแล้ว
ตอนนี้ห่วงสภาพจิตใจลูกชายมาก เนื่องจากตนเองไม่รู้ว่า 18 ปีที่ผ่านมา ลูกชายเจออะไรมาบ้าง เจอเรื่องราวที่ดีหรือไม่ดี อีกทั้งตนเองและลูกชายไม่ได้เลี้ยงดูมานาน กลัวลูกจะปรับตัวเข้าสภาพแวดล้อมไม่ได้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลสภาพจิตใจลูกก่อนเป็นอันดับแรก
เรื่องอนาคตของลูกชาย หากลูกชายต้องการเรียนต่อ ตนเองจะส่งลูกเรียนจนจบและจะให้ลูกชายเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนยาย เพราะตนเองต้องกลับไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพ เพราะลางานมาได้ 8 วัน ส่วนเรื่องที่อดีตสามีทำร้ายร่างกายลูกชาย จนต้องหนีออกจากบ้าน ตนเองเชื่อว่าจริง เพราะตอนที่อยู่ด้วยกัน สามีก็มักจะตบตีตนเองเวลาที่ดื่มเหล้า
ขณะที่น้องโย่ง เล่าว่า หลังจากมาอยู่ที่บ้านแม่ 2 วัน ตนเองนอนหลับสบายแบบไม่รู้ตัว อย่างที่ไม่เคยหลับสบายแบบนี้มาก่อน ตอนที่แม่มาปลุก ตนเองนึกว่าฝันไป แต่พอแม่เข้ามากอดตนเอง ความรู้สึกตอนนั้นดีใจมาก จนบอกไม่ถูก เพราะอ้อมกอดแม่เป็นอ้อมกอดที่ตนเองโหยหามาตลอด 18 ปี โดยเมื่อเช้าแม่ทำอาหารเช้าให้ตนเองทาน เป็นไข่เจียวและฮอตดอกให้ทาน ตนเองทานข้าวหมด 2 จาน
ส่วนเรื่องที่พ่อทำร้ายร่างกายตนเองยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ได้ถึงกับบ่อยมาก และก็ไม่ได้หนักจนถึงขั้นได้รับบาดเจ็บ
เรื่องที่เกเร ยอมรับว่า เมื่อช่วงอายุ 13-14 ปี ตนเองเกเรจริงแต่ไม่ได้ติดเกม แค่เล่นเป็นบ้างครั้ง พร้อมกับโต้กลับว่าตนเองไม่เคยขโมยเงินพ่อ
ส่วนเรื่องที่พ่อยัดยาจนตนเองต้องติดสถานพินิจตอนนั้นตนเองจำรายละเอียดได้ไม่มาก จำได้เลือนลาง เพราะอายุเพียงแค่ 7-8 ขวบเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นพ่อพาตนเองนั่งรถบรรทุกไปด้วยกัน จากนั้นก็เจอตำรวจเรียกและตำรวจได้พาไปที่สถานี ตนก็ไม่รู้เรื่องราวอะไร แต่ไม่ได้ติดสถานพินิจ ส่วนพ่อถูกตำรวจจับหรือเปล่าตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะจำไม่ค่อยได้
สำหรับเรื่องเรียน ตนเองยืนยันว่าอยากเรียนให้จบเพื่อจะได้มีวุฒิการศึกษา แต่ถ้าหากแม่ส่งเรียนไม่ไหวตนเองก็จะออกมาทำงานหาเงินช่วยแม่ ตอนนี้ยังปรับตัวเข้ากับบ้านแม่ยังไม่ได้ แต่ยอมรับว่าอยู่แล้วสบายใจ
นอกจากนี้ น้องโย่ง บอกว่า ที่ตามหาแม่ ไม่ได้ต้องการทำให้แม่เดือดร้อนแต่ตนเองไร้ที่พึ่ง เพราะคิดว่าหากตนเองไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ชีวิตตนเองก็คงจะไปในทางที่ไม่ดีแน่นอน
ขณะที่ ญาติและเพื่อนบ้านในหมู่บ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาที่บ้านให้กำลังใจกับแม่ลูกทั้งคู่