นิกม์ขอที่ยืนถูกล่าแม่มดปิดร้านในรอบ 40 ปี เปรียบหุ้นพิธาดั่งใช้บัตรสื่อดูมอเตอร์โชว์

จากกรณีนายนิกม์ แสงศิรินาวิน อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทยเปิดปม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ itv แต่สุดท้ายมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอของที่ประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งไม่ตรงกับบันทึกการประชุมที่ออกมาเผยแพร่ว่า itv ยังเป็นสื่อจนมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสกัดนายพิธา ไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีเอกสารเปรียบเทียบบัญชีงบการเงินของบริษัท itv โดยในปี 2564 มีการระบุว่า ประเภทธุรกิจ ระบุว่า "สื่อโทรทัศน์ปัจจุบัน ไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากติดคดีความ" ขณะที่ในปี 2565 มีการระบุว่า ประเภทธุรกิจ ระบุว่า"สื่อโทรทัศน์สื่อโฆษณาและผลตอบแทนจากการลงทุน"


ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงกรณีที่ นายนิกม์ แสงศิรินาวิน อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์เปิดปม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ และล่าสุด เจ้าตัวได้ยกมือไหว้ขอโทษที่ทำให้พรรคภูมิใจไทย เสื่อมเสียชื่อเสียง ว่า เจ้าตัวได้ยกมือขอโทษที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยเสียชื่อเสียง นายนิกม์ทำในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้ทำในฐานะพรรคภูมิใจไทยไม่ทำเรื่องเช่นนั้นอยู่แล้ว และส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ นายนิกม์ ซึ่งนายนิกม์ เพิ่งจะมาเป็นสมาชิกใหม่พรรคภูมิใจใหม่ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้มีการพูดคุยอะไรนอกเหนือจากการเลือกตั้งนายอนุทินยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น คนที่จะทำอะไรแทนพรรคภูมิใจไทยได้คือหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค เท่านั้น และเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่มีผลกระทบใดใดกับพรรค เพราะว่าคำถามเช่นนี้ไม่เป็นธรรมกับพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคไม่ได้ทำอะไรเลย ตนขอยืนยันในฐานะหัวหน้าพรรค


ขณะที่นายนิกม์ แสงศิรินาวิน ชี้แจงกรณีการเปิดเผยกรณีการประชุมถือหุ้นสื่อไอทีวี และขณะนี้มีการโยงไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่เบื้องหลัง ว่า ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย เป็นการดำเนินการโดยส่วนตัว ขณะที่ประเด็นนายภาณุวัฒน์ เป็นนอมินีนั้น นายนิดม์ กล่าวว่า จากจะให้เป็นนอมินี ตนโอนหุ้นให้กับพ่อถือหุ้นแทนก็ได้ แต่นายภาณุวัฒน์ อยู่ในช่วงศึกษาการเล่นหุ้น จึงพาไปเที่ยวตลาดหลักทรัพย์ การขายหุ้นไปให้หลายคนถามว่าจะขายให้มีราคายังไง ตนโอนหุ้นการซื้อการขายหุ้น 4 ตัว อสมท. ไอทีวี โซลาร์ โซลาร์วอแลน เงินที่ลงทุนให้หุ้นขาดทุนตนไม่เคยขาย จะขายเมื่อมีกำไรเท่านั้น ซึ่งตนมี 4 ตัวในพอร์ต เพื่อจัดการตัวเองตามกติกาจึงมีการขาย 3 ตัวมีการโอนใส่พอร์ตหุ้น ใช้เวลา 7 วัน และไอทีวีออกกระดาษหุ้นใช้เวลา 14 วัน ซึ่งตั้งใจทำเป็นกระดาษเพื่อใส่กรอบไว้เป็นบทเรียน ยืนยันว่าการขายหุ้นไอทีวี เพราะตนต้องเคลียร์ตนเอง จึงขายเป็นแพคและมีการแถมหุ้นไอทีวีไปให้ ทั้งนี้ตนยังมองว่าไอทีวียังคงเป็นสื่อ เพราะถ้าวันนี้ตนถือนามบัตรของไอทีวี เดินเข้างานมอเตอร์โชว์ตนจะเข้าช่องไหนแน่นอนว่าจะต้องเข้าช่องสื่อมวลชน ความเป็นสื่อไม่ได้บอกแค่ว่าจะออนแอร์หรือไม่

“ส่วนที่บอกว่าเป็นการทำส่วนตัวนั้น วันที่ตนอยู่ในพรรคอนาคตใหม่ ตนถือหุ้นอสมท. 2 หมื่นหุ้น ถือหุ้นไอทีวี 1.7 หมื่นหุ้น และลงสมัครส.ส. ด้วยความใหม่เราตีความเองว่าถือหุ้นสื่อได้ไม่เป็นไร แต่กลับพบว่าถือแล้วมีปัญหา จึงมีการศึกษาระเบียบกกต. ว่าห้ามถือหุ้นจนมาอยู่พรรคภูมิใจไทย มีการปรึกษาฝ่ายกฎหมาย ซึ่งพรรคชัดเจนว่าห้ามถือหุ้นประเภทนี้ และการที่ตนโพสต์ถึงเมืองนักการเมืองถือหุ้นนั้น ยอมรับว่าอยู่ในช่วงของการเลือกตั้ง ได้แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวพันกับว่าที่นายกรัฐมนตรี เพราะในวันนั้นประชาชนยังไม่ได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ตนเองก็ไม่ได้ตรัสรู้ได้ว่าผลของการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร หรือจะไปขัดแข้งขัดขาว่าที่นายกรัฐมนตรี กลับกันถ้าข้อมูลที่ตนโพสต์ นายคนนั้นไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งเข้ามาก็คงเงียบ แต่วันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ตนเคารพกติกา แต่คู่แข่งขันหรือผู้สมัครไม่ได้เคารพกติกา เพราะกติกาห้ามอยู่แล้วแต่ยังถือหุ้น จึงเกิดความวุ่นวาย”

 

เมื่อถามว่ามีปัญหากับนายพิธา มาก่อนหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่มี การออกมาจากพรรคเพราะออกมาทำการกุศล จัดตั้งกลุ่มเส้นด้าย ซึ่งมองว่าไม่ควรสังกัดพรรคใดเพราะผู้สนับสนุนเขาทำด้วยการกุศล รวมถึงไม่ลงมัครพรรคเส้นด้าย เพราะมีทางเดินของตนเองและเลือกมาอยู่กับนายอนุทิน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าไม่ค่อยกินเส้นกัน ก็ไม่เป็นความจริง สำหรับการปะทะคารมกับนายวิโรจน์ ลักคณาอดิศร ในเชิงถูกข่มขู่ บอกให้ระวังตัวดีๆ นั้น นายนิกม์ กล่าวว่า ตนไม่ได้กลัวนายวิโรจน์ และรู้สึกว่าตัวเองโดนข่มขู่จริงๆ แต่ที่กลัวคือมวลชนที่นายวิโรจน์ พยามจะนำมาเป็นเกาะกำบังหรือจะใช้มวลชนมาทำร้ายตนหรือไม่ แต่ตนเชื่อว่ามวลชน เป็นมนุษย์มีความคิด ฟังได้ ดูได้ ว่าสิ่งที่นายวิโรจน์ ทำหรือพูด ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร


นายนิกม์ ระบุว่า พนักงานทั้งหมดของร้านขายยาตน ร้านยานพรัตน์ เปิดมา 41 ปี ปิดกิจการชั่วคราวแน่นอน เพราะ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้จัดการไม่ประสงค์จะทำงานเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย เนื่องจากร้านของเราถูกโทรก่อกวนมาติดต่อกันเป็นสัปดาห์แล้วใคร” ส่วนรู้สึกเสียใจไหม ที่ออกมาโพสต์เรื่องหุ้นสื่อ นายนิกม์ ระบุว่า ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ได้กระทำไปแล้ว และไม่มีใครจ้างวาน ครอบครัวตนอยู่ได้ เราเป็นครอบครัวของคนชั้นกลาง คุณแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วมีมรดกทิ้งไว้มากมาย ไม่เกี่ยวพรรคการเมือง ทำเพราะตนเองล้วนๆ เนื่องจากเป็ยคนรักษากติกาเท่านั้น

 

ขณะเดียวกันวันนี้สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กกต. เผยแพร่ ข้อกฎหมาย หากรู้ว่าขาดคุณสมบัติ แต่ยังสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะมีผลอย่างไร โดยผู้รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธ์สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ และผู้รู้อยู่แล้วว่าตนมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมือง เสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดถึง 20 ปี ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป. กว่าดึสายพันธุ์สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) 2566

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว ของสำนักงาน กกต. เป็นที่สนใจ เนื่องจาก เกี่ยวข้องกับกรณีการถือหุ้นสื่อ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าขาดคุณสมบัติจากกรณีดังกล่าวหรือไม่

ขอที่ยืนบ้าง ถูกด้อมล่าแม่มด