แม่เดือดลูกถูกยิงเข้าเบ้าตาไม่เชื่อปืนลั่น สาวคนสนิทอ้างถูกขู่ปัดปืนก่อนดับ

กรณีเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 13 มิ.ย.66 ตำรวจ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุมีชายถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักของคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ถนนบางกรวย-จงถนอม ต.บางขนุน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ที่เกิดเหตุเป็นคอนโดสูง 8 ชั้น ที่ชั้น 7 ที่บริเวณระเบียงหลังห้องพบศพ นายศุภสิน ศรีสุข หรือนูน อายุ30ปี ลักษณะขาเหยียดยาวนั่งเสียชีวิตสภาพศพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้นสีดำ ที่บาดแผลถูกยิงเข้าที่เบ้าตาซ้าย 1 นัดกระสุนทะลุออกด้านหลังเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ในมือข้างขวาผู้ตายกำอาวุธปืน ขนาด 9 มม.ไว้ในมือ 1 กระบอก และภายในห้องที่เกิดเหตุมีนางสาวเจนจิรา เขื่อนแก้ว อายุ 27 ปี แฟนสาวผู้เสียชีวิต อยู่ร่วมด้วยในขณะเกิดเหตุ นั้น


นางสาวเจนจิรา ระบุว่าตอนเกิดเรื่องีการทะเลาะกันแฟนหนุ่มมีการนำอาวุธปืนมาโชว์ ซึ่งตนเองจะขอเลิกเลยถามว่าเอาปืนมาทำไม และมีการแย่งปืนกันเกิดขึ้นสักพักมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ตอนนั้นตัวเองตกใจคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายโดนยิง


วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางกมลรัตน์ ศรีสุข อายุ52ปี แม่ของฝ่ายชาย เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเองได้รับโทรศัพท์จากแฟนสาวของลูกชาย ซึ่งใช้โทรศัพท์ของลูกชายหลังจากที่เกิดเหตุแล้วโทรมาแจ้งกับคนในครอบครัวว่า “ เกิดเหตุปืนลั่น” ตนเองก็ได้รีบเดินทางมาจากจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อมาที่คอนโดที่เกิดเหตุทันที แต่เมื่อมาถึงตัวนี้ไม่สามารถขึ้นไปดูสภาพของลูกได้ เพราะเนื่องจากมีการเก็บหลักฐานและมีการดำเนินการเคลื่อนย้ายศพลงมา ตนเองจึงได้เห็นแต่ภาพที่ลูกชายนั่งเสียชีวิตอยู่ที่ระเบียง และเห็นแผลที่ถูกยิงเข้าที่แถวเบาตา ประกอบกับมีปืนอยู่ในมือ ซึ่งเบื้องต้นตนเองก็พยายามยืนยันว่าไม่เชื่อว่าลูกชายจะก่อเหตุฆ่าตัวตาย หรือไม่เชื่อว่าลูกชายจะเอาปืนมาก่อเหตุแบบนี้ได้ และที่สำคัญไม่เชื่อว่าเค้าจะมาตายอยู่ที่คอนโดที่ไม่ใช่บ้านของเขา แต่ส่วนเรื่องของทางคดีว่าใครผิดใครถูก หรือจะถูกทำร้าย หรือทำร้ายตัวเอง ส่วนตัวก็ให้ว่าไปตามกระบวนการ เพราะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ และไม่เห็นเหตุการณ์กับเขา จึงพูดอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากตัวนี้ตนเองรู้สึกเสียใจ และทำใจต่อการจากไปของลูกชายครั้งนี้ไม่ได้ เพราะโดยปกติแล้ว เขาไม่ใช่เป็นคนที่อารมณ์ร้อน หรือจะก่อเหตุอย่างที่ฝ่ายหญิงเล่าให้ฟัง แต่ตนเองก็ไม่ขอปรักปรำ รอพิสูจน์ตามกระบวนการ

 

ด้าน นายศุภฤกษ์ ศรีสุข หรือนิว อายุ29ปี ซึ่งเป็นแฝดผู้พี่กับคนตาย เปิดเผยว่า ตนเองไม่เชื่อว่าน้องชายจะฆ่าตัวตาย และไม่เชื่อว่าเหตุการณ์ปืนลั่นจะเกิดขึ้นได้ เพราะจากวิถีกระสุนและรวมถึงถ้าการนั่งตาย ไม่สมเหตุสมผล โดยถ้าหากการที่คนจะถูกปืนลั่นใส่ก็จะต้องโดนบริเวณจุดอื่นซึ่งไม่ใช่บริเวณเบ้าตา แล้วเข้าที่ศีรษะ หากเป็นเหตุปืนลั่น ทำไมถึงลั่นใส่ตัวเอง ทั้งที่ปืนอยู่ในมือ ซึ่งถ้าปืนอยู่ในมือฝ่ายชายอย่างน้อยก็ต้องลั่นใส่ฝ่ายหญิงมากกว่า ดังนั้นจึงยังคงติดใจการตายของน้องชาย และอยากให้มีการตรวจสอบจนคลายข้อสงสัย ขณะเรื่องของนิสัยใจคอของน้องชาย เจ้าตัวเป็นคนอารมณ์ร้อนน้อยตนเองอีก เพราะเจ้าตัวเป็นคนที่มีเหตุผล และบอกตลอดว่ารักผู้หญิงคนนี้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าเป็นไปได้ยากที่จะเอาปืนออกมาก่อเหตุอย่างที่ฝ่ายหญิงเล่าให้ฟัง

ส่วนเรื่องของอาวุธปืนที่น้องชายใช้นั้น ยอมรับว่าเป็นปืนที่มีทะเบียนและเป็นพื้นที่ถูกต้อง เพราะน้องชายมีปืนอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมต้องพาปืนจากจังหวัดกาญจนบุรีเอาไปเก็บเอาไว้ที่คอนโดฝ่ายหญิง , และก่อนที่น้องชายจะตาย ตนเองยังนั่งคุยโทรศัพท์กัน ประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งเจ้าตัวก็ยังมีการพูดคุยปกติไม่ได้ทะเลาะหรือมีเรื่องอะไรกับฝ่ายหญิง เจ้าตัวยังฝากบอกว่า”ให้พี่ชายดูแลตัวเองให้ดี แล้วจะกลับไปเจอกัน”ฉะนั้นจึงเชื่อว่าการนัดหมายเจอกันจึงไม่ใช่เหตุผลที่จะฆ่าใครตาย หรือฆ่าตัวตาย และหลังจากที่มีการวางสายจากน้องชายเพียงแค่5นาที ฝ่ายหญิงได้มีการโทรศัพท์กลับมาหาตนเองพร้อมกับบอกว่าปืนลั่นน้องชายตายแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจึงยังเป็นข้อสงสัยในครอบครัวจึงอยากขอความเป็นธรรมจากตำรวจ

นอกจากนี้ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวดาว เขื่อนแก้ว อายุ47ปี แม่ของฝ่ายหญิงแฟนสาวของคนตาย เปิดเผยว่า โดยปกติที่คอนโดห้องดังกล่าวตนเองอาศัย อยู่กับคนตายและลูกสาว โดยอยู่แยกคนละห้อง ซึ่งหลังจากที่คบหากันก็ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโด และมีบ้างที่พากันกลับไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งเป็นบ้านของฝ่ายชายแต่ช่วงระยะหลังลูกสาวกับคนตายมักจะทะเลาะกันเรื่องแฟนเก่าของคนตายโทรมาหา โดยมีลักษณะโทรมาง้อขอคืนดี จึงทำให้มีปากเสียงกับลูกสาวบ้างแต่ก็ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นตบตีกัน ทุกครั้งที่แฟนเก่าของคนตายโทรมาลูกสาวก็จะอยู่ในอาการงอน แต่ก็ใช้เวลาปรับความเข้าใจกันก็กลับมาพูดคุยกันตามปกติจนกระทั่งล่าสุด เมื่อประมาณสามวันก่อน เดินทางกลับมาจากบ้านของคนตายที่จังหวัดกาญจนบุรี ปรากฏว่าคนตายได้มีการเอาอาวุธปืนติดมาด้วย โดยลูกสาวก็ไม่ยอมบอกให้ตนเองรู้ ซึ่งถ้าหากตนเองรู้ก็คงจะห้ามปรามและให้เอาปืนไปไว้ที่อื่น ไม่เช่นนั้นก็กลัวว่าจะเกิดเหตุขึ้นแบบนี้ แต่เจตนา ตนเองไม่ทราบว่าคนตายเอาปืนมาจากบ้านเพราะอะไร เพราะลูกสาวยังไม่ได้พูดให้ฟังเพิ่งมารู้หลังเกิดเหตุและช่วงเวลาประมาณหลัง 12:00 น. เศษวันนี้ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว ลูกสาวได้โทรมาร้องไห้พร้อมกับเล่าให้ตนเอง ว่า ตอนที่ทั้งคู่อยู่ในห้องด้วยกันแฟนเก่าของคนตายได้โทรมาง้อขอคืนดี จึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะมีปากเสียงกัน ลูกสาวจึงเดินหนีเข้าห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าฝ่ายชายไปเอาอาวุธปืนที่เอามาจากบ้าน พยามขึ้นลำกล้องจ่อมาที่ลูกสาว ทั้งคู่จึงยื้อแย่งปืนกัน จนกระทั่งไปอยู่บริเวณหลังระเบียงห้อง แล้วปืนลั่นโดนใส่ฝ่ายชายจนกระทั่งถึงแก่ความตาย ซึ่งลูกสาวก็ยืนยันด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้เป็นคนก่อเหตุแต่เกิดจากการแย่งปืนแล้วปืนลั่น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าครอบครัวของฝ่ายชายจะติดใจการตายครั้งนี้ แต่ตนเองก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย และรวมถึงให้มีการพิสูจน์คาบเขมาดินปืน หากลูกสาวมีส่วนเกี่ยวข้องจริงตนเองก็ต้องทำใจยอมรับ

ปืนลั่นเข้าเบ้าตาได้ยังไง?