บีบใจ! ปลุกศพแม่ให้ฟื้นเจอหนุ่มใหญ่บุก รร.ปาดคอ พ่อแช่งมือฆ่าให้ตายรู้ข่าวผูกคอ

จากรณีรายงานว่าได้รับแจ้งจากสมาคมอาสากู้ชีพ-กู้ภัยจอมพระ สุรินทร์ หรือ หน่วยกู้ภัยจอมพระกตัญญู ว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายจนทำให้เสียชีวิตอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ้านอุดม ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ภายในอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตรงโต๊ะทำงานพบร่าง นางสำราญสุข ตลับทอง ครูสาวใส่เสื้อแขนสั้นสีชมพู กางเกงขาสั้นสีดำ นอนอยู่ที่พื้นมีรอยเลือดบริเวณศีรษะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับแพทย์เวร หน่วยกู้ภัยจอมพระ ร่วมกันพลิกพิสูจน์รางผู้เสียชีวิต มีบาดแผลเหมือนถูกของมีคมฟันที่บริเวณด้านหลังศีรษะ เป็นรอยบาดแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ แล้วบริเวณลำคอเหมือนถูก ของมีคมกรีดแต่ไม่เข้าเป็นเหมือนรอยขีดข่วน ใกล้กันบนโต๊ะพบคราบเลือด พร้อมมีดอีโต้วางอยู่บนโต๊ะ ด้านหลานสาวของครู ระบุว่า คนที่ทำร้ายครูเป็นประจำก็คือสามีของครู คือนายสมศักดิ์ แสนดี

 

โดยหลังจากเหตุการณ์นี้ทีมข่าวได้ย้อนไปที่บ้านของนายสมศักดิ์ พบว่านายสมศักดิ์ได้ผูกคอตายไปแล้ว ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านภูดิน ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่นายสมศักดิ์ แสนดี ห่างจากบ้านอุดม ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อไปถึง พบรถกระบะ ดีแม็ค สีขาว ทะเบียน บว 5314 ฉะเชิงเทรา จอดอยู่ที่บริเวณข้างบ้านตั้งแต่เวลา 18.30น. หลังจากก่อเหตุฆ่าครูสำรวมสุข นายสมศักดิ์ได้นำรถยนต์มาจอดทิ้งไว้ ก่อนจะเดินไปหยิบเอาเชือกที่บ้านน้องสาวนายสมศักดิ์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเดินไปที่ทุ่งนาและผูกคอตายใต้ต้นมะม่วง

จากนั้นเราได้เดินทางไปที่จุดที่นายสมศักดิ์ผูกคอตาย ห่างจากบ้านพ่อแม่ ไปทางทุ่งนาประมาณ 1 กิโลเมตร โดยบริเวณนายบัว ไปเจอลูกชายผูกคอตาย ใต้ต้นมะม่วง พบเชือกที่ใช้ผูกคอ และรองเท้าแตะนายสมศักดิ์ถูกถอดทิ้งไว้ และยังพบจอบที่นายบัวใช้สับเชือกที่ลูกชายใช้ผูกคอ

 


ต่อมาเราได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพขณะที่นายสมศักดิ์ แสนดี ขับรถยนต์กระบะ ดีแม็ค สีขาว ทะเบียน บว 5314 ฉะเชิงเทรา ผ่านกล้องวงจรปิดที่บ้านหลังหนึ่งในช่วงเวลา 17.54.08น.ของวันที่ 13 พ.ค.66 หลังจากที่ก่อเหตุฆ่าครูสำรวมสุข เพื่อจะกลับไปที่บ้านพ่อและแม่ โดยในคลิปจะเห็นนายสมศักดิ์ แสนดี สวมเสื้อสีน้ำเงิน ซึ่งตรงกับภาพที่นายบัว พ่อของนายสมศักดิ์ไปเจอตอนผูกคอตาย และนายสมศักดิ์ได้เปิดกระจกรถด้านข้างฝั่งข้างคนขับไว้ข้างหนึ่ง ส่วนนายสมศักดิ์ขับรถในลักษณะชิดพวงมาลัย

 

ขณะบรรยากาศงานศพของนางสำรวมสุข ญาติได้จัดพิธีศพนางสำรวมสุข ตลับทอง ไว้ที่วัดบูรณะบ้างผาง ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ โดยราางของครูสำรวมสุขมาถึงที่วัดในช่วงบ่าย จากนั้นก็มีญาติได้ร่วมกันแต่งหน้าศพให้กับครูสำรวมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะนำเสื้อผ้าชุดสีชมพูมาเปลี่ยนให้กับครูสำรวมสุขด้วย เนื่องจากว่าเป็นสีที่ครูสำรวมชอบ ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติพี่น้องที่มาร่วมรับศพอยู่ที่วัด

โดยวันนี้จะเป็นพิธีสวดอภิธรรมคืนแรก โดยมีญาติพี่น้องและเพื่อนร่วมงานมาร่วมพิธีเป็นจำนวนมากและจะมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพในวันเสาร์ ที่ 17 พ.ค 66

 


ต่อมาเราได้คุยกับนางสาวนริศา ดาทอง อายุ 20 ปี หลานผู้ตาย เล่าว่า นางสำรวมสุข ตลับทอง อายุ 45 ปี น้าสาว มีครอบครัวและหย่าร้างกับสามีมาหลายปี มีด้วย 3 คน ส่วนนายสมศักดิ์ แสนดี หรือ หยาด มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊คได้ไม่นาน จากนั้นก็ตกลงแต่งงานกันได้ประมาณ 3 เดือน

ตลอดที่อยู่กินกันกับนายสมศักดิ์ แสนดี มักจะทะเลาะกันบ่อยครั้ง เรื่องที่นายสมศักดิ์ หึงหวงผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายจะชอบทำงานดึกดื่นกว่าจะกลับบ้าน เลยทำให้ผู้ก่อเหตุสงสัยว่าภรรยาจะมีคนอื่น นอกจากนี้นางสำรวมสุข ยังเคยพูดให้ฟังว่า ช่วงที่แต่งงานกับนายสมศักดิ์ผู้ก่อเหตุได้ไม่นาน ถูกนายสมศักดิ์ทำร้ายร่างกาย 1 ครั้งด้วยการบีบคอ จนเป็นรอยซ้ำ

 

วันที่เกิดเหตุช่วงประมาณบ่าย 3 โมง ตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปตามหาหลานผู้ตาย ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เห็นนายสมศักดิ์ เดินวนเวียนอยู่บริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก หลังจากที่ไม่เจอหลานสาวของผู้ตายตนเองก็กลับบ้านไปจนกระทั่งมาทราบว่าน้าสาวถูกนายสมศักดิ์

หลังจากที่นายสมศักดิ์ค่าน้าสาวเสร็จแล้วก็ได้แชท Facebook มาหาแฟนตนเองบอกว่าไปก่อเหตุฆ่าน้าสาวเสียชีวิต และจะไปผูกคอตาย


นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยแชตของครูด้วยว่าขณะที่ย้อนกลับไปดูข้อความแชทไลน์ก่อนหน้านี้ ก็พบว่า ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ครูสำรวมสุขได้แชทไลน์ไปหาผู้ใหญ่เพาะหลายครั้ง เป็นลักษณะของการแชทไประบายความเครียด ปรับทุกข์

วันที่ 27 พ.ค. 66
โดยพบว่าเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ครูสำรวมสุขได้เคยแชทไปหาผู้ใหญ่เพาะ ปรับทุกข์เรื่องสามี ทำนองว่าเหมือนสามีมาเกาะเธอกิน ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้เงินเธอก็ตาม แต่ก็ไม่ทำมาหากิน อยู่เฉยๆ พร้อมกับบอกว่า ไม่อยากอยู่กับคนแบบนี้ และอยากจะเลิกต้องทำยังไง

วันที่ 27 พ.ค. 66
ขณะที่วันต่อมา 27 พฤษภาคม ครูสำรวมสุขก็ได้แชทไปหาผู้ใหญ่เพาะอีก บอกว่า เครียดมาก เมื่อวานไปประชุมมีคนไปบอกผอ. ว่ามีรถสีขาวไปเฝ้า ซึ่งก็หมายถึงนายศักดิ์ ที่เดินทางไปที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ่อยเกินไป จนมีบางครั้งที่ผู้ปกครองเห็นแล้วไปพูดต่อๆกัน จนเรื่องไปถึงผู้ใหญ่ ทำนองว่า ไม่ทำงานหรือไง ไปรอเมียแบบนี้ เมียลำบากแล้วยิ่งจะลำบากมากขึ้น มาเกาะเมียอยู่ได้งานการไม่ทำ

ซึ่งวันนั้นผู้ใหญ่เพาะ ก็ถามกลับไปว่าให้แจ้งตำรวจให้ไหม แต่ครูสำรวม ก็ไม่ได้ตอบกลับในประเด็นนี้ และได้ระบายความทุกข์ของตัวเองต่อ

แชตที่ไม่มีวันที่
นอกจากนี้ทีมข่าวยังพบว่า ไม่นานมานี้ ครูสำรวมได้เคยแชทไปหาผู้ใหญ่เพาะ ในลักษณะเหมือนทะเลาะกับสามีแล้วจะถูกทำร้าย สามีง้างเท้าจะเตะเธอ ซึ่งเธอก็ได้บอกกับผู้ใหญ่เพาะ ว่า เธอรู้สึกกลัวมาก แล้วภาพที่เธอเคยถูกสามีบีบคอก็ตามมาหลอกหลอนจนนอนไม่หลับ ซึ่งได้ภาวนาว่าเมื่อไหร่จะเช้า ขณะที่ยังได้บอกด้วยว่า เธอรู้สึกกลัวนายศักดิ์ สามี มาก เพราะเวลาโกรธจะตาแดง

 

ขณะที่นางสาวแสงจันทร์ ลักขษร แม่บ้านศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เล่าว่า ช่วงก่อนเหตุประมาณ 11.00น.ตนเองเอาข้าวกลางวันมาส่งให้กับนางสำรวมสุข ตลับทอง เห็นผู้ตายนั่งทำงานตามปกติ ซึ่งตอนนั้นยังไม่เห็นนายสมศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ

จากนั้นตนเองก็กลับบ้าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.30น.ตนเองกลับมาที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อมาทำความสะอาดศูนย์ ประมาณ 20 นาทีเห็นผู้ตาย นอนอยู่ที่พื้น มีขาโผล่ออกมาจากโต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนั้นยังไม่เห็นด้านบนผู้ตาย เห็นแต่ขา จึงได้เดินไปเขย่าขาผู้ตายและปลุกให้ตื่น เพราะนึกว่าผู้ตายนอนหลับ จนกระทั่งเห็นเลือดไหลเต็มพื้น ตนเองจึงได้รีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือ

 


ด้านนางประดับพร จิวหลง เพื่อนร่วมงานผู้ตาย เผยว่า ตั้งแต่ที่ผู้ตายแต่งงานกับนายสมศักดิ์ จะเห็นนายสมศักดิ์ขับรถกระบะสีขาวมารับมาส่งผู้ตายทุกวัน บางวันช่วงกลางวันก็จะตามมาเฝ้าผู้ตายที่ทำงานเกือบทุกวัน ตอนแรกตนเองคิดว่านายสมศักดิ์ดูรักและเป็นห่วงนางสำรวมสุข

ตนเองก็เคยบอกนายสมศักดิ์ให้กลับไปไม่ต้องมาตามเฝ้าเมีย ปล่อยให้เมียได้ทำงานบ้างเพราะเขาทำงานไม่สะดวก ซึ่งนายสมศักดิ์ก็ฟังและก็ขับรถกลับบ้านไป แต่สักพักนายสมศักดิ์ก็กลับมาวนเวียนอยู่ที่ศูนย์ฯอีกครั้ง นอกจากนี้ตนเองเคยเตือนผู้ตายหลายครั้งแล้วว่านายสมศักดิ์ดูรักมาก หึงหวงมาก ให้ระวังตัว เพราะกลัวจะเกิดอะไรที่รุนแรง เพราะทุกครั้งที่นายสมศักดิ์มาหาผู้ตายที่ทำงาน ดูท่าทางน่ากลัว แต่ตนเองก็พยายามจะพูดให้นายสมศักดิ์ใจเย็น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาหาผู้ตาย ตนเองจะดูให้ แต่สุดท้ายนายสมศักดิ์ก็ไม่ฟัง