"หยก" ปีนรั้วเข้าโรงเรียนอีก หลังโรงเรียนออกแถลงการณ์ไม่มีสถานะเป็นนักเรียน เหตุไม่มีผู้ปกครองมามอบตัว เจ้าตัว ยืนยัน ไม่ใช่ชุดนักเรียน แต่หากทำผิดระเบียบให้พูดคุย พร้อมหาที่เรียนอื่น ขณะ "บุ้ง" ชี้ ก่อนหน้านี้ ผอ.รับปากแล้ว ให้ตนทำหน้าที่ผู้ปกครองหลังติดต่อพ่อแม่หยกไม่ได้

ความคืบหน้ากรณี "หยก" เยาวชนนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง อายุ 15 ปี ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณีถูกโรงเรียนไล่ออก หลังแต่งกายชุดไปรเวท และย้อมสีผมไปเรียนหนังสือ ซึ่งต่อมาโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้ออกแถลงการณ์ ชี้แจงว่า "หยก" ไม่มีสถานะเป็นนักเรียนของโรงเรียนในปีการศึกษา 2566 เนื่องจากไม่มีผู้ปกครองมามอบตัว

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ พบว่า เปิดการเรียนการสอนปกติและวันนี้เป็นวันไหว้ครู แต่พอถึงเวลา 8 นาฬิกา รปภ. ก็ปิดประตูรั้ว จากนั่นมีพนักงานรักษาความปลอดภัยและกลุ่มตัวแทนสมาคมผู้ปกครองและครู มายืนเฝ้าสังเกตุการณ์อยู่ด้านในประตูรั้ว ซึ่งทีมข่าวได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริง แต่ทางตัวแทนปฏิเสธให้สัมภาษณ์ บอกเพียงว่า รายละเอียดทั้งหมดได้ชี้แจงผ่านแถลงการณ์ไปแล้ว จะไม่มีการให้สัมภาษณ์อีก

 

ต่อมา 09.00 น. "หยก" เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางกิจกรรม อายุ 15 ปี เดินทางด้วยรถแท็กซี่ มาถึงโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ พร้อมสมาชิกกลุ่มทะลุวัง อีก 3 คน รวมเป็น 4 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมี "บุ้ง" ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองของ "หยก" ในปัจจุบันด้วย  ได้พยายามพูดกับ รปภ.ขอให้เปิดประตู เข้าไปเรียนหนังสือ แต่ รปภ. ปฏิเสธ อ้างว่าได้รับคำสั่งจากผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่โรงเรียน และให้ไปอ่านแถลงการณ์ของ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

 

ทั้งนี้ "หยก" ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ได้อ่านแถลงการณ์แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนได้รับรู้แล้วว่า "บุ้ง" เป็นผู้ปกครอง โดยมีการจ่ายเงินค่าเทอม และรับมอบตัวเรียบร้อยแล้ว เพราะที่ผ่านมาพยายามติดต่อพ่อแม่มาโดยตลอด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตั้งแต่เข้าสถานพินิจไป

 

หยก กล่าวต่อว่า  หากโรงเรียนไม่พอใจเรื่องการแต่งกาย ก็อยากให้พูดคุยกันเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ตนเองพร้อมปรับปรุง แต่ยืนยัน จะไม่ขอแต่งชุดนักเรียน เพราะมองว่า เป็นอำนาจนิยม

 

เมื่อถามว่าหากโรงเรียน ยื่นข้อเสนอ ให้เข้าเรียนได้ แต่ต้องแต่งกายตามกฎระเบียบของโรงเรียนนั้น หยกบอกว่า หากเป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่า สาเหตุที่แท้จริงในการไม่ให้เข้าเรียน คือ เรื่องทรงผมและการแต่งกาย

 

ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามต่อว่า หากโรงเรียนยืนยันใช้เหตุผลเรื่องการมอบตัวและไม่อนุญาตให้เข้าเรียนต่อจะทำอย่างไรในอนาคต หยกยืนยันว่าก็จะหาหนทางอื่นในการเรียนต่อไป โดยอาจย้ายไปเรียนที่อื่น

 

เมื่อพยายามสอบถามถึงความสัมพันธ์กับพ่อแม่ หยก ยอมรับว่า แม่ไม่พอใจ และขอร้องให้หยุดเคลื่อนไหว ตั้งแต่มีตำรวจไปคุกคามที่บ้าน ซึ่ง หยกก็ยืนยันว่าจะขอออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้จนถูกจับที่สนพระราชวัง และเข้าบ้านเมตตา จากนั้นก็ติดต่อแม่ไม่ได้อีกเลย

 

ขณะที่ บุ้ง ได้อธิบายข้อเท็จจริงเรื่องการมอบตัวเข้าเรียนของ "หยก" ว่า ตลอดเวลา 51 วันที่ผ่านมา ได้พยายามต่อสู้ให้หยกได้กลับเข้าเรียน หลังสามารถสอบเข้าได้ตามปกติ แต่ไม่สามารถติดต่อผู้ปกครองได้เลย ทั้ง พ่อและแม่ รวมถึงโรงเรียนเองก็ไม่สามารถติดต่อพ่อแม่หยกได้เช่นกัน จนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ได้เข้ามาคุยกับโรงเรียน ขอให้บุ้ง เป็นผู้ปกครอง เพราะปัจจุบัน หยก พักอยู่อาศัยกับบุ้ง และได้จ่ายค่าเทอมให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในขณะนั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ยินดี ให้ถือว่าการมอบตัวของหยกนั้นเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว

 

แต่ต่อมา วันที่ 9 มิถุนายน ก่อนวันครบกำหนดมอบตัวเพียง 1 วัน มีคุณครูโทรมาแจ้ง ว่า ต้องเป็นพ่อแม่หยก เท่านั้นถึงจะมอบตัวได้ แต่เราก็ติดต่อพ่อแม่หยกไม่ได้ จนสุดท้ายหยกก็เข้าไปเรียนแล้ว เป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่เมื่อหยกทำผิดกฎ ระเบียบของโรงเรียนกลับใช้เงื่อนไขนี้มาเป็นข้ออ้างไม่ให้สิทธิ์การเป็นนักเรียนกับหยก

 

อย่างไรก็ตาม หลังรอนานเกือบ 1 ชั่วโมง แต่ทางโรงเรียนยังไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้ "หยก" ได้ตัดสินใจปีนประตูรั้วหน้าโรงเรียน เพื่อกลับเข้าไปเรียนอีกครั้ง ซึ่งได้มีตัวแทนสามคมผู้ปกครองและครูเข้ามาห้าม จนเกิดเป็นปากเสียงกันเล็กน้อย จากนั้น "หยก" ได้พยายามปีนรั้วหน้าโรงเรียนอีกครั้งจนสำเร็จ แต่เมื่อเข้าไปในโรงเรียนแล้ว ก็มีคุณครูเข้ามาห้าม แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้ "หยก" เดินเข้าไปในโรงเรียนได้ ซึ่งวันนี้ ในโรงเรียนมีกิจกรรมพิธีไหว้ครูด้วย