เมียตำรวจยิงผัวเพื่อนบุกราวี จุดจบฝ่ายหญิงเข้าข้างผัวโดนสาปให้ผีหลอนธุรกิจ

กรณีเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.วันนี้ (14 มิ.ย. 66) พ.ต.ท.สมคิด ไชยพลงาม สว.(สอบสวน) สภ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่รีสอร์ต แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.รัตวาปี จ.หนองคาย ที่อยู่ห่างจาก สภ.รัตนวาปี ประมาณ 600 เมตร มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อภายหลังคือ นายโสภา สุโพธิ์เมือง อายุ 37 ปี พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลรัตนวาปี และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อไปถึงรีสอร์ตที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอาคารรับของห้องพัก ได้พบกับผู้ก่อเหตุคือ น.ส.ปาจรีย์ เทพสมพร อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของรีสอร์ท ที่รอพบเจ้าหน้าที่อยู่ที่เกิดเหตุ พร้อมมอบอาวุธปืนพกสั้น กิ่งออโตเมติก ยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ ขนาด 9 มม. ให้กับเจ้าหน้าที่นั้น


ทีมข่าวช่อง 8 ได้กล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม กล้องตัวที่ 1 วันที่ 13/6/2566 เวลา 21.09.48 จับภาพนางสาวปาจรีย์ (ผู้ก่อเหตุ) และนางสาวเกษรา (ภรรยาผู้เสียชีวิต) นั่งรถมอเตอไซค์ไปที่รีสอร์ที่เกิดเหตุ โดยปาจรีย์เป็นคนขับ เกษรา เป็นคนซ้อน กล้องตัวที่ 2 วันเกิดเหตุ 14/6/2566 เวลา 08.02.11 จับภาพรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวของผู้เสียชีวิต ขับออกจากรีสอร์ท (คาดว่าน่าจะเป็นขับออกมาหลังจากง้อภรรยารอบเช้าแล้วไม่เป็นผล) และกล้องอีกตัว (ตัวที่ 3) เวลา 08.02.14 จับภาพรถยนต์ ฟอร์จูนเนอร์ สีขาวของผู้เสียชีวิต ขับตามถนน กล้องตัวที่ 4 เวลา 17.44.07 จับภาพรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับตามถนน มุ่งหน้ารีสอร์ทที่เกิดเหตุ


วันนี้เวลา 10.00 น. ดาบตำรวจ พิเชษฐ์ ผบ.หมู่.(สส) สภ.รัตนวาปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ก่อเหตุ ได้คุมตัวนางสาวปาจรีย์ ผู้เป็นภรรยา มาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน จังหวะนั้น ทีมข่าวช่อง 8 ได้พยายามสอบถามนางสาวปาจรีย์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็ไม่ตอบคำถามทีมข่าว พร้อมมีสีหน้าที่เคร่งเครียด และเอาคอเสื้อขึ้นมาปิดปากเอาไว้ จากนั้นเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้คุมตัวนางสาวปาจนีย์ ไปทำแผนประกอบตำรับสารภาพ โดยระหว่างคุมตัวขึ้นรถนั้น ก่อนจะขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวสอบถามความรู้สึกปาจนีย์ ว่าเสียใจไหม เจ้าตัวก็พยักหน้า แล้วผู้สื่อข่าวก็ถามต่อว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ จะช่วยเขาเหมือนเดิมไหม ปาจรีย์ ก็พยักหน้าตอบรับ

 

เวลา 11.40 น. ตำรวจคุมตัวปาจรีย์ มาถึงที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าตัวก็ไปชี้จุดที่บริเวณห้องรับรองลูกค้า ซึ่งเป็นจุดยิง จากนั้นปาจรีย์ ก็บรรยายเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุ นายโสภา และนางสาวเกษรา มีปากเสียงกัน ตัวเองก็เข้ามาห้ามแล้วบอกให้ผู้ตายกลับบ้าน แต่ผู้ตายก็ไม่กลับ บอกจะเอาเมียกลับด้วย แต่เกษรา ก็ยืนยันว่า “ไม่กลับ เพราะกลัวสามีฆ่า”ด้วยความหวังดี ตัวเองจึงบอกให้นายโสภาว่า “ถ้าไม่กลับบ้าน ก็ไปนอนที่ห้องของรีสอร์ท” ผู้ตายก็พูดสวนมาว่า “อย่ามายุ่ง” จากนั้นตัวเองก็ไปหยิบปืนออกมาจากในห้อง แล้วผู้ตายก็เข้ามากกระชากหัวของตัวเองและนางสาวเกษรา ตัวเองจึงใช้ปืนยิงใส่ผู้ตายจำนวน 1 นัด จนเขาล้มหลังจากทำแผนตำรวจได้คุมตัวปาจรีน์ ขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวก็ถามว่า เสียใจไหม เจ้าตัวก็พยักหน้า เมื่อถามว่าได้ตั้งใจยิงไหม เจ้าก็ก็ส่ายหน้า


นอกนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง สภ.รัตนวาปี ได้พูดคุยกับนางสาวเกษรา หรือนางสาวปุ้ย แฟนของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ตัวเองและนายโสภา ผู้เสียชีวิต คบหากันได้ 9 ปี สร้างบ้านอยู่ด้วยกัน 2 หลัง แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน และไม่มีลูกด้วยกัน โดยสามีตัวเองอายุเยอะกว่าตัวเองประมาณ 12 ปี ที่ผ่านมาตัวเองและสามีจะทะเลาะกันค่อนข้างบ่อย เพราะสามีเป็นคนขี้หึง ขนาดตัวเองเล่นโทรศัพท์ก็เล่นไม่ได้ ตอนที่ทะเลาะกันนั้น สามีก็เคยใช้มือทำร้ายตัวเองบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยใช้อาวุธ ซึ่งตัวเองก็มองว่าเป็นปัญหาครอบครัว เพราะทุกครั้งก็กลับมาคืนดีกันตลอด

กระทั่งก่อนเกิดเหตุ ช่วงบ่ายของวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ตัวเองและสามีทะเลาะกันอีกครั้ง สาเหตุก็มาจากเรื่องหึงหวง แล้วเขาก็ตบตีตัวเอง จากนั้นตัวเองจึงให้หลานสาวมารับออกจากบ้าน แล้วเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ตัวเองได้ให้ นางสาวปาจรีย์ หรือปลา ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกัน มารับตัวเองที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เพื่อไปที่รีสอร์ทที่เกิดเหตุ ที่ตัวเองไปอาศัยอยู่ตรงนั้น เพราะนางสาวปาจรีย์ เขามีสามีเป็นตำรวจ คิดว่านายโสภา ผู้เป็นสามี คงไม่กล้ามาทำร้ายตัวเองอีก ก่อนหน้านี้ก็เคยทะเลาะกับสามี และเคยมาอาศัยอยู่ที่รีสอร์ทแห่งนี้แล้ว 1 ครั้ง กระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 14 มิถุนายน 2566 นายโสภา ผู้เสียชีวิต ได้มาง้อขอคืนดีกับตัวเองที่่รีสอร์ทที่เกิดเหตุในรอบแรก แต่ไม่เป็นผล แล้วเขาก็ขับรถออกไปไม่นาน ก็เข้ามาง้อตัวเองอีก และอยู่ง้อตัวเองจนกระทั่งถึงเวลา 17.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเกิดเหตุจังหวะนั้น ตัวเองก็เห็นนางสาวปาจรีย์ ยิงปืนจำนวน 1 นัด แล้วนายโสภา ก็ล้มฟุบลงที่พื้น ก่อนจะพูดกับตัวเองประโยคสุดท้ายว่า “กูรักมึงนะ” แล้วสามีก็หมดสติไป

 

เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองขอยืนยันว่า ตอนเกิดเหตุนั้น นายโสภา สามีตัวเองไม่ได้ทำร้ายร่างกายนางสาวปาจรีย์แม้แต่ครั้งเดียวเลย แค่แตะเนื้อตัวปาจรีย์ สามีก็ไม่ได้แตะ ตัวเองเข้าใจว่านางสาวปาจรีย์ ผู้ก่อเหตุ เขาเป็นห่วงตัวเอง แต่เขาก็ไม่น่ามายิงสามีถึงขนาดนี้ เพราะว่านี่มันก็เป็นปัญหาครอบครัว ก่อนเกิดเหตุ ตัวเองและปาจรีย์ ก็มีดื่มแอลกอฮอล์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดื่มในปริมาณมาก ขอยืนยันว่าที่ผ่านมา สามีตัวเอง และนางสาวปาจรีย์ ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน หลังให้สัมภาษณ์ นางสาวเกษรา ก็ได้จำลองเหตุการณ์ ให้ทีมข่าวดู ตอนที่เกิดเหตุยิง โดยนางสาวเกษรา ภรรยาของคนตาย จำลองเหตุการณ์เป็นนายโสภา ผู้เป็นสามี ส่วนญาติอีก 2 คน เป็นางสาวปาจรีย์ และนางสาวเกษรา ซึ่งขณะที่จำลอง เกษราบอกทีมข่าวว่า สามีได้ทำการดึงผมตัวเอง จังหวะนั้นสายตาตัวเองจึงไปมองที่พื้น และปาจรีย์ ซึ่งยืนอยู่หน้าเกษรา ก็ใช้ปืนยิงนายโสภา จนล้ม และยืนยันว่า นายโสภา ผู้ตาย ยังไม่ได้ทำร้ายนางสาวปาจรีย์ แต่อย่างใด

 

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม นางจันทร์ โพธิ์ศรีไมล์ แม่ของผู้เสียชีวิต และนางสาวหนูเจียม สุโพธิ์เมือง พี่สาวของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตัวเองเดินทางมาดูหน้าผู้ก่อเหตุ และอยากจะถ่ายรูปหน้าผู้หญิงคนนี้เอาไว้ แต่ถ่ายไม่ทัน พร้อมอยากจะถามเขาว่า ทำไมจิตใจโหดร้ายจัง ลูกชาย น้องชายตัวเองไปทำอะไรให้ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมาฆ่าเขา

จากการสอบถามนางสาวเกษรา ภรรยาคนตาย เขาก็บอกว่า ตอนเกิดเหตุ ผู้ตายเขาก็ไม่มีอาวุธ และไม่ได้ทำร้ายร่างกายนางสาวปาจรีย์เลยแม้แต่นิดเดียว สาเหตุใดถึงมาฆ่าเขา และพวกเขาก็รู้จักกัน คนตายก็เคยมาดื่มกินกับผู้ก่อเหตุที่นี่ และก็เคยซื้อข้าว ซื้ออาหารเลี้ยงคนก่อเหตุมาตลอด ยอมรับว่า ผู้ตายและภรรยาเขาก็มีปัญหาทะเลาะกันมาบ่อยครั้ง ก็เป็นปัญหาของครอบครัวเขา มันก็เรื่องผัวเมียแม่ของผู้ตายบอกว่า ถึงแม้นางสาวปาจรีย์ ผู้ต้องหา จะเป็นภรรยาของตำรวจ สภ.รัตนวาปี ท้องที่เกิดเหตุก็ตาม ตัวเองไม่กังวลเรื่องคดี ตัวเองจะร่อสู้เพื่อลูกถึงที่สุด และอยากให้ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวตัวเองด้วย แม่และพี่สาวของผู้ตาย ลอกกับทีมข่าวว่า หลังจากนี้พวกตัวเองจะไม่มาทำพิธีเชิญวิญญาณผู้ตายแต่อย่างใด จะปล่อยให้วิญญาณลูกชายตามหลอกหลอนคนในบ้านหลังเกิดเหตุถึงที่สุด


เบื้องต้น ตำรวจได้แจ้งข้อหาผู้ก่อเหตุในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมมีการนำตัวส่งฝากขังศาลจังหวัดหนองคายแล้ว

ไม่ปล่อยวิญญาณ ให้หลอนคนฆ่า!