"สนธิญา ร้อง กกต. ซ้ำ ให้ตรวจสอบ พิธา กรณีหุ้นสื่อ อาจเข้าข่ายขัดต่อข้อบังคับพรรคการเมือง / จ่อฟ้องกลับ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ หลังศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง"

เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ผ่านมา  นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อ ยื่นคำร้องต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ และการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรค ถือหุ้นไอทีวี จะเข้าข่ายขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่ อีกครั้ง หลังจากที่กกต.ได้มีการยกคำร้องไป

 

โดยนายสนธิญาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า ตนเองตรวจสอบไม่เจอว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการกำหนดลักษณะต้องห้ามเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้หรือไม่ แต่หากกำหนดเห็นว่าจะทำให้เป็นเหตุให้ความเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธา ซึ่งถือหุ้นไอทีวีสิ้นสุดลงและนายพิธา ก็จะเข้าข่ายเป็นบุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการชี้นำ ครอบงำการดำเนินการของพรรคก้าวไกลตามมาตรา 28 และมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นเหตุให้กกต.สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลได้ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายเดียวกัน

 

นอกจากนี้ นายสนธิญา ยังเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ศาลอุทธณ์ มีคำพิพากษาได้ยกคำร้องกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิ่มโทษตนให้สูงขึ้นในคดีฟ้องหมิ่นประมาท และกรณีฟ้องว่าตนยื่นเอกสารเท็จจากการที่ตนยื่นตรวจสอบน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส. แล้ว จึงอยากให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำคำพิพากษาของศาลฯไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กของท่าน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ตนด้วย และขอที่จะดำเนินการเอาผิดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตามกฎหมายอาญา ฐานกลั่นแกล้งตน และประมวลจริยธรรมส.ส. เพราะขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำเนินการกับตนนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เป็นส.ส. เป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รวมถึงประธานกรรมาธิการป.ป.ช.ของสภาผู้แทนราษฎร  โดยจะรอดูว่า พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ จะยื่นอุทธรณ์คดี หรือไม่ก่อน

 

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ตนเองได้มายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนโยบายหาเสียงกระเป๋าเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท และกรณีมีนโยบายถมทะเลสมุทรสาครเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ของพรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญาตรา 258 ก.( 2) (3) หรือไม่ ตรวจสอบแล่ว พบว่า ขณะนี้กกต.ได้รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว