แฉหนุ่มแทงสาวพริตตี้ เหยื่อพลาดเปิดประตูรับ ประวัติคลั่งฟันคน-แฟนช็อกไปหาทำไม
จากกรณีน.ส.ธนิฐดา ผู้ช่วยคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งถูกหนุ่มคนสนิทใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทง 16 แผล เสียชีวิตภายในห้องพัก จากนั้นชาวบ้านได้จับกุมผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ทราบชื่อนายสุวัฒน์อายุ 21 ปี ชาวศรีสะเกษ ซึ่งหลังเกิดเหตุพยายามหลบหนี แต่ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ช่วยกันจับกุมตัวไว้ได้ และแจ้งตำรวจ สน.บุปผาราม มาควบคุมตัวไปสอบสวน
ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 00.42 น. จะเห็นได้ว่า น.ส.ธนิฐดา (ผู้เสียชีวิต) สวมชุดนอนสีชมพู ซึ่งเป็นชุดเดียวกันที่พบเป็นศพนอนเสียชีวิต โดยผู้ตายได้เดินลงมารับนายสุวัฒน์ (ผู้ก่อเหตุ) ที่สวมเสื้อสีดำกางเกงยีนส์ และสวมหมวกปิดบังใบหน้า ซึ่งทางผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์มาหาผู้ตายที่หอดังกล่าว จากนั้นผู้ตายได้ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูนำผู้ก่อเหตุขึ้นไปบนห้อง
หลังจากนั้นทีมข่าวได้ภาพกล้องติดหมวกของตำรวจ จับภาพขณะเข้าไปควบคุมสถานการณ์ เมื่อคืนนี้หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทกันภายในอพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่ง ย่านคลองสาน จึงได้ไปดูยังจุดเกิดเหตุ
พบผู้ชาย 3 คนกำลังช่วยกันจับประตูห้องพัก เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกไปได้ ในขณะที่บริเวณประตูห้องพัก มีคราบเลือดติดอยู่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พูดคุยกับผู้ต้องหาที่อยู่ภายในห้อง หลังจากนั้นก็พยายามเกลี่ยกล่อมให้ผู้ต้องหาส่งอาวุธมีดออกมาให้
ส่วนผู้ก่อเหตุที่อยู่ภายในห้องโวยวายพร้อมพูดว่า “ผมแทงเขานิดเดียว ผมแทงเขานิดเดียว” หลังจากนั้นเมื่อตำรวจสอบถามว่ามีอาวุธอื่นนอกจากมีดหรือไม่ ผู้ก่อเหตุพูดเพียงว่า “พี่ผมกลัว” และบอกว่า “ถ้ามีปืนผมยิงเขาแล้ว ผมไม่ยอมให้เขาแทงผมหรอก” หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการขออาวุธมีดจากผู้ต้องหา โดยให้ส่งออกมาจากห้องก่อน
ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาตำรวจได้ควบคุมตัวนายสุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้มีดแทง น.ส.ธนิฐดา หลังพาผู้ต้องหาไปทำแผลที่โรงพยาบาลจากการบาดเจ็บที่ต่อสู้กับผู้ตาย กลับมาที่สถานีตำรวจนครบาลบุปผาราม ซึ่งระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงเกิดขึ้น นายสุวัฒน์ แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธที่จะตอบคำถามก่อนจะถูกนำตัวเข้าไปในห้องควบคุม
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางมาที่ สน.บุปผาราม ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายสุวัฒน์ มาสอบปากคำ โดย พ.ต.อ.รัตน์เกล้า อาณานุการ ผกก.สน.บุปผาราม เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำพบว่า ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าได้มีการใช้อาวุธมีดที่พกติดตัวมาทำร้ายร่างกาย จนเป็นทำให้ฝ่ายหญิงเสียชีวิต เนื่องจากบันดาลโทสะที่ฝ่ายหญิงไม่ต้องการให้ฝ่ายชายสูบบุหรี่ภายในห้องพัก
ต่อมาได้มีนายก็อต เพื่อนของนายสุวัฒน์ เดินทางมาเยี่ยมที่ห้องขัง สน.บุปผาราม พร้อมระบุว่า ตนเป็นเพื่อนกับนายสุวัฒน์ วานนี้เมื่อช่วงเที่ยง ตนพร้อมเพื่อนอีกสามคนเดินทางไปที่ห้องพักของนายสุวัฒน์ รวมทั้งหมดสี่คน จากนั้นได้ร่วมกันสูบกัญชา และนั่งคุยกันในห้อง จนถึงเวลา 20.00 น. จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ ตนก็ไม่ทราบว่านายสุวัฒน์ออกไปไหน หรือไปหาใคร จนตอนเช้ามาทราบข่าวว่าเพื่อนของตนไปแทงคนตาย จึงเดินทางมาเยี่ยมที่โรงพัก
นายสุวัฒน์เคยว่าเล่าให้ตนฟังว่าเมื่อหลายปีก่อน จู่ๆก็มีอาการอยากเอามีดไปแทงคน และ เคยทำร้ายตัวเองด้วยการกรีดหน้า แต่พ่อของนายสุวัฒน์รู้ว่าลูกมีอาการป่วย จึงได้พาตัวไปรักษาอาการทางจิต และได้รับการกินยามาโดยตลอด จนอาการดีขึ้น กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงไม่ได้กินยาอีกเลย จนกระทั่งมาเกิดเหตุครั้งนี้ ไม่ทราบว่าเกิดจากอาการเก่าหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเสพกัญชา เพราะตนก็ไม่มีอาการอะไร ยอมรับเพื่อพกมีดติดตัวตลอด เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องกับคู่อริ และไปก่อเหตุแทงอีกฝ่ายแต่ไม่เสียชีวิต
จากนั้นก็เดินทางเข้าไปเยี่ยมนายสุวัฒน์ และมีการยืนพูดคุยที่หน้าห้องขัง พร้อมสอบถามว่ารู้จักผู้เสียชีวิตได้อย่างไรทางนายสุวัฒน์ ผู้ต้องหาได้ตอบว่ารู้จักทางไซด์ไลน์ และเมื่อเพื่อนผู้ตายถามว่าแทงผู้ตายทำไม ผู้ต้องหาตอบว่า ฝ่ายหญิงแย่งมีดจึงแทง จากนั้นผู้ต้องหาก็ได้ไล่ให้เพื่อนกลับบ้าน โดยอ้างว่าพ่อของผู้ก่อเหตุรู้เรื่องแล้ว
ขณะทีมข่าวได้สอบถาม นายชูชาติ อายุ 55 ปี เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ ที่เกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อช่วง 01.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนเองนอนพักผ่อนอยู่ในห้องบริเวณชั้นสอง ได้ยินเสียงคนวิ่งไล่กันขึ้นลงบันไดจำนวนสองรอบ แต่ตนเองก็ไม่กล้าออกมาดูเพราะที่นี่จะมีวัยรุ่นวนเวียนเข้ามาอยู่บ่อยครั้งประกอบกับอพาร์ทเม้นท์ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูและ จนมาทราบว่ามีเหตุแทงกันตายเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ตนเองตัดสินใจที่จะย้ายออก ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นตนเองไม่ทราบเพราะไม่ได้รู้จักกับผู้เสียชีวิต
ขณะที่ นายเสนอ อายุ 69 และนางละมุม อายุ 55 ตาและยายผู้เสียชีวิต เดินทางมายัง สน.บุปผาราม เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมข่าวได้พูดคุยกับครอบครัวผู้ตายทราบว่า หลานสาวมาพักอาศัยอยู่ที่หอพักตามลำพัง โดยทำงานอยู่ที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง หลังจากที่ได้เลิกกับอดีตสามี และนำลูกไปให้ตนเองเลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็ก จนปัจจุบันอายุ 8 ขวบแล้ว
ที่ผ่านมาทราบเพียงว่าหลานสาวมีการคบหากับเพื่อนชายชื่อกอล์ฟ ส่วนคนอื่นทางครอบครัวไม่ทราบ โดยหลานสาวจะส่งเงินให้ครอบครัวเพื่อนำไปดูแลลูกอยู่ตลอด จนกระทั่งเมื่อวานก่อนเกิดเหตุก็ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องหลานสาวมีปากเสียงกับเพื่อนชาย แต่ไม่ทราบว่าจะใช่คนที่ก่อเหตุด้วยหรือไม่ เพราะว่าก่อนหน้านี้หลานสาวไม่เคยพูดถึงคนที่ก่อเหตุ หรือส่วนตัวก็ไม่เคยเจอหน้ามาห่อนเลย
แต่สงสัยว่าทำไม เหตุผลที่ไม่ให้สูบบุหรี่ ทำไมถึงขั้นฆ่ากันได้ คิดว่าปัญหาน่าจะมากกว่าเรื่องสูบบุหรี่ ความโหดเหี้ยมครั้งนี้จึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
นอกจากนี้เรายังได้พูดคุยกับนายกอล์ฟ แฟนของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนและผู้ตายคบหากันมาได้ 8 เดือนแล้ว โดยไม่ได้อยู่ด้วยกัน ที่ผ่านมายอมรับว่ามีปากมีเสียงเป็นเรื่องปกติ โดยวันที่เกิดเหตุได้มีการนัดหมายจะไปทานข้าวด้วยกัน แต่ว่าตนท้องเสียจึงไม่ได้มาหา และทราบว่ามีเพื่อนสาวจะมาหาที่ห้องพัก ก็จึงอนุญาตให้ สาวๆ อยู่ด้วยกัน ตนเองจึงไม่ได้มาตามที่นัดหมาย
จนกระทั่งช่วงดึก เพื่อนสาวโทรมาบอกว่า เกิดเหตุกับแฟนสาวโดนทำร้าย ตนแรกจึงคิดว่าเป็นการโกหก เพื่อจะให้ตนออกไปหารึป่าว ตนจึงได้ขับรถไปหาที่หอพัก ปรากฏว่าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยจึงรู้ว่าเกิดเหตุร้ายกับแฟน จากนั้นตำรวจจึงได้กันตัวเองออกมาเพราะทราบว่าเป็นแฟน เพื่อมาสอบถามข้อมูล โดยตนยังไม่ทันได้เจอหน้ากับผู้ก่อเหตุ
ส่วนเรื่องที่เกิดเหตุตนเองไม่ทราบมาก่อนว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร แต่สำหรับกรณีที่ผู้ต้องหาให้การว่าบันดาลโทสะที่ไม่ให้สูบบุหรี่ในห้อง แล้วถึงขั้นแทงแฟนถึง 13 แผล ตนมองว่าเกินกว่าเหตุ และอยากถามว่ามาทำแบบนี้ทำไม
ส่วนโทรศัพท์ของแฟนที่ผ่านมาตนไม่เคยตรวจเช็กว่ามีการติดต่อกับใครหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว และหากถามว่าแฟนสาวจักรู้จักกับผู้ตายหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการพูดถึง