น้องหยกบ่นเหนื่อยปีนหน้าต่างเรียน ปัดคุยกับพวกตัวเล็กตัวน้อย แจงผู้ปกครองไปไหน
นับเป็นวันที่ 3 สำหรับกรณี "หยก" ที่พยายามปืนเข้าไปเรียนในโรงเรียน หลังปีนหน้าต่างเข้าเรียนไปเมื่อช่วงเช้า หลังเลิกเรียน "หยก" ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ยังมีสมาคมผู้ปกครองมาคอยติดตามระหว่างอยู่ในโรงเรียน และมีการพูดว่าทำแบบนี้เหนื่อยหรือไม่ ทำไปก็ไม่ได้อยู่ในระบบ ซึ่งตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ส่วนครูยังสอนและให้ทำงานเหมือนเดิมทุกอย่าง ยอมรับว่าการที่ปีนเข้าโรงเรียนทุกวันมันเหนื่อย เพราะปกติแล้ว แม้เราจะมาสาย เขาก็เปิดประตูตลอด แต่พอเห็นตนปุ๊บก็ปิดทันทีเมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ แม้ว่าเราจะมาเรียนทุกวัน แต่ก็อาจจะไม่ได้อยู่ในระบบ หยก กล่าวว่า แถลงการณ์มันคลุมเครือและผู้บริหารก็ไม่ยอมออกมาชี้แจง ตนเข้าใจว่าการมอบตัววันนั้นสมบูรณ์แล้ว เพราะว่า"พี่บุ้ง" ก็เซ็นให้แล้ว
ขณะที่ บุ้ง กล่าวยอมรับว่า การเซ็นชื่อรับรองมอบตัวยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ว่าเราก็หาผู้ปกครองมามอบตัวหยกไม่ได้ จึงตั้งคำถามว่าหากเด็กคนนึงไม่มีพ่อแม่ ก็จะไม่ได้รับโอกาสได้เรียนหนังสือใช่หรือไม่ ซึ่งเราก็ตั้งคำถามนี้กับครูไปแล้ว แต่ครูก็ตอบไม่ได้เมื่อถามว่า จะยื่นศาลเพื่อที่จะเป็นผู้ปกครองเลยหรือไม่ "บุ้ง" กล่าวว่า มันก็เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันแต่ในใจแล้วคืออยากให้"หยก" ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว ดีที่สุดคืออยากให้น้องได้กลับไปหาพ่อแม่ได้ โดยที่ไม่ถูกตำรวจคุกคาม
"ยอมรับว่าตอนนี้เหนื่อยกับโรงเรียนเหนื่อยกับผอแล้วเหนื่อยกับผู้มีอำนาจในประเทศ แค่เด็กคนนึงที่อยากเรียนหนังสือมากเลย แล้วต้องมาปีน ทำเหมือนเขาไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นนักเรียนหลงเหลืออยู่เลย ทั้งที่จริงๆแล้วสิ่งที่เขาเรียกร้อง เขาไม่ได้เรียกร้องเพื่อตัวเองคนเดียว เขาเรียกร้องให้เพื่อนๆ เรียกร้องให้หลายคนที่เสียชีวิตไปเพราะการศึกษาบีบคั้นด้วย มันก็ไม่แฟร์กับเด็ก"
ส่วนที่ครูขู่ จะแจงความฐานบุกรุกนั้น บุ้ง กล่าวว่า ไม่อยากให้น้องต้องมาปีนรั้วแหลมๆอะไรแบบนี้ เขาก็ขู่แจ้งตำรวจ ตนก็ไม่ได้กังวล เพราะ 112 ก็โดนมาแล้ว วันนี้ประเทศมันหาความยุติธรรมยาก เราก็ต้องสู้ และจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสิทธิ์ของเด็กติดต่อมาเลย ยังไม่มีความช่วยเหลืออะไรที่เข้ามาเลย หยกก็ถูกโจมตีจากสังคมเยอะ เมื่อถามว่า สพฐได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า "หยก" ยังสามารถเรียนหนังสือได้แต่ต้องรักษากฎระเบียบของโรงเรียน "บุ้ง" จึงย้อนถามกลับว่านี่แสดงให้เห็นว่าที่ให้หยกออกเพราะ"หยก" ใส่ชุดไปรเวทไม่ใช่เรื่องของการมอบตัวที่ไม่สมบูรณ์ อย่างที่โรงเรียนอ้าง
ด้านนายวิโรจน์ให้ความเห็นกรณี เรื่องของหยก เยาวชนอายุ 15 ปีที่มีปัญหา ถูกทำให้พ้นสภาพความเป็นนักเรียน โดยระบุว่า ตนคิดว่ากำลังอยู่ในกระบวนการ กำลังแก้ไข หารือ หาทางออก ด้วยการพูดคุยกีนอย่างสร้างสรรค์ เป็นทางออกที่ถูกต้องแล้ว นายวิโรจน์มองว่า การที่คนฝ่ายหนึ่งที่มีข้อมูลอีกแบบหนึ่ง แล้วมาพูดตอกรอบ ตนว่าไม่เกิดประโยชน์ แต่ตนเขื่อว่าทุกคนพยายามทำให้นักเรียนรวมถึงคุณหยก ได้เรียนอยู่แล้ว ติดขัดตรงไหนก็ต้องคุยกัน“ต้องพูดคุยกัน ถ้าเรายังตอบคำถามแบบปิงปองแบบนี้ การแก้ปัญหาจะไม่เกิด เราควรเปลี่ยนให้เป็นการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ดีกว่า เพราะว่าจุดยืนคือนักเรียนทุกคนต้องได้รับการเรียนหนังสือ”