เปิดหลักฐานมัดผู้การฯรีดเงิน 140 ล้าน ก๊วนตำรวจโต้รู้เห็น วิโรจน์ จี้สาวหาตัวการใหญ่

วันที่ 18 มิ.ย. 2566 กรณีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับพวกซึ่งเป็นตำรวจและพลเรือน ที่ถูกกล่าวหารีดเงิน 140 ล้าน ทยอยเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมสอบปากคำ พร้อมเปิดเผยหลังจากการสอบปากคำว่า พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ยังไม่ได้ให้การใดๆ กับพนักงานสอบสวน และจะขอส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรทุกประเด็นภายใน 5 วัน

ขณะนี้พบมีตำรวจเกี่ยวข้องในคดีนี้แล้ว 10 นาย มารายงานตัวแล้ว 9 นาย ประกอบด้วย
1.พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
2.พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
3.พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ อ่อนตา รองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (สอท.2)
4.พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ สารวัตรกองกำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ (สอท.2)
5.ร.ต.อ.สมบุญ บุดดาเลิศ รองสารวัตรสืบสวน สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี
6.พ.ต.ท.เสถียร รัชพงษ์ไทย รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี
7.พ.ต.ท.นครราช นนสีลาด สารวัตรสอบสวน สภ.หนองขาม จ.ชลบุรี
ส่วนตำรวจอีก 2 นาย ยังไม่ทราบชื่อและสังกัด
เหลือ พ.ต.ต.พรเทพ เพ็รชนวล สารวัตรสืบสวน สภ.วังจันทร์ จ.ระยอง ที่ยังไม่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา

โดยทั้งหมดที่มารายงานตัว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ มาตรา 157 ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ มาตรา 149 เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ชอบ และมาตรา 309 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืน

ในจำนวนนี้มีตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) อยู่ 2 นาย ถูกแจ้ง 2 ข้อหา คือ มาตรา 157 และมาตรา 309 แต่ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ผู้ต้องหากล่าวหาใส่ร้ายและได้ไปแจ้งความกลับไว้แล้ว

 

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า พ.ต.ต.พรเทพ สนิทกับนายบอย ซึ่งเป็นคนเจรจาเรื่องเงินสินบนที่จะมอบให้กับชุดจับกุม และขณะนี้หลบหนีอยู่ต่างประเทศ ขณะเดียวกันวันพรุ่งนี้จะประสานกับสำนักงาน ป.ป.ง. เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายบอย และตามยึดทรัพย์สินที่พบว่ามีอยู่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งบ้านพัก ที่ดิน เรือ รถยนต์ เพราะเบื้องต้นพบแล้วกว่า 200-300 ล้านบาท

ในเรื่องนี้พบว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก เนื่องจากหลังจากจับผู้ต้องหาไม่มีการส่งตัวไปยังสถานีตำรวจในท้องที่ แต่กลับนำตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ห้องทำงานของผู้บังคับการ ส่วนการออกหมายจับผู้ต้องหา ก็พบว่ามีการไปขอศาลถอนหมายจับ หลังจากที่ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว โดยอ้างต่อศาลว่าสายลับให้ข้อมูลผู้ต้องหาผิดคน และหลังจากนี้เตรียมขยายผลจับผู้อื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

โดยเมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจ มีรถตู้สีขาวขับวนไปส่งด้านหลังของอาคารสำนักงาน ก่อนจะเดินเข้ามาด้านหลัง ทันทีที่มาถึงก็รีบเดินเข้าไปในห้องสอบสวน โดยมีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แต่น้อยกว่าตำรวจ สอท. 2 นายก่อนหน้านี้ที่สอบปากคำนานกว่า 6 ชั่วโมง และเมื่อ พล.ต.ต.กัมพล ออกมาจากห้องสอบสวนได้รีบเดินทางกลับทันทีโดยไม่ตอบคำถามใดๆ

ขณะที่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พร้อมทนายความ ได้เดินทางมาพร้อมกับตำรวจ สอท. 2 นาย ได้แก่ พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ อ่อนตา และ พ.ต.ท.ปฐมพงศ์ มีอยู่ เพื่อเข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยเตำรวจทั้งสองนายมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่เครียดหรือกังวลอะไร พร้อมกล่าวทักทายนักข่าวว่า เมื่อคืนนี้นอนหลับดี และขอยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีการตบทรัพย์ผู้เสียหาย เนื่องจากได้ไปทำหน้าที่เก็บหลักฐานที่เกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ในบ้านที่เกิดเหตุ เพราะได้รับการประสานจากชุดตรวจค้น

ด้าน พ.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ บอกว่า ตนรู้ข้อมูลตามที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชน วันนี้จึงเดินทางเข้ามาเพื่อดูข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน ซึ่งตนยังไม่รู้ว่าถูกกล่าวหาอะไรบ้าง ยืนยันว่าตัวเองทำหน้าที่ถูกต้องตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และยอมรับว่าได้เจอกับนายเป้ ผู้เสียหายในวันตรวจค้น

ส่วน พ.ต.ท.ปฐมพงษ์ บอกว่า ตัวเองไม่มีความกัลวลหรือหนักใจอะไร เพราะตัวเองได้ทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และวันดังกล่าวตัวเองเดินทางไปพร้อมกับรองผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ซึ่งเป็นการไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

ด้านนายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า วันนี้ตัวเองได้นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอขณะที่ตำรวจทั้งสองนายปฏิบัติหน้าที่นำมาเป็นหลักฐาน ซึ่งตามบันทึกแจ้งข้อหาพนักงานสอบสวนยืนยันว่า สอท. ทั้ง2 คน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ หรือรีดไถเงิน 140 ล้านบาท เป็นเพียงการถูกกล่าวหาว่าไปอยู่ในชุดตรวจค้นที่บ้านนายเป้ และเป็นการค้นโดยมีบุคคลภายนอก 2 คนอยู่ด้วย โดยยืนยันว่ามีการบันทึกวิดีโอไว้ตลอดการปฏิบัติงานเข้าตรวจค้นบ้านของนายเป้ ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ และยังมีรายงานสืบสวน สภ.คูคต ยืนยันว่าตำรวจทั้งสองนายมาหลังชุดปฏิบัติการชลบุรี มีภาพวงจรปิดที่ป้อมยามยืนยัน ที่ตอนนี้ชุดสืบสวนของ สภ.คูคต ไปเก็บหลักฐานมาเรียบร้อย

นอกจากนี้ มีรายงานว่า ตำรวจภูธรภาค 2 และตำรวจ สภ.คูคต ได้เข้าไปตรวจยึดเซอร์เวอร์กล้องวงจรปิด ภายในห้องควบคุมระบบของอาคารสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ตอนเวลา 21:00 น. โดยประมาณ เพื่อส่งตรวจพิสูจน์ โดยเบื้องต้นมีรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า ในสำนักงานผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี วันที่ 23 พฤษภาคม เวลา 20.00 น. โดยประมาณ พบหลักฐานสอดคล้องกับคำให้การของนายเป้ ที่อ้างว่าถูกนำตัวไปพบผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีจริง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

ขณะที่ วันนี้ศาลอนุมัติหมายจับพลเรือนที่เกี่ยวข้องแล้ว 3 คน คือ นายพิสิษฐ์ คณิศรพาณี หรือต้น, นายวีระ นาทรัพย์ หรือบอย และภรรยาของนายบอย ใน 2 ข้อหา คือ “ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน และ ร่วมกันในการกระทำการเอาทรัพย์ผู้อื่น” โดยทราบว่า นายต้นและนายบอยหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้อง ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีจึงไม่ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ

ภายหลังถูกออกหมายจับ เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบพร้อมด้วยชุดสืบภาค 2 บูรพพยัคฆ์ ลงพื้นที่ตรวจค้นบ้านนายบอย ย่านบางละมุง จ.ชลบุรี โดยพบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่เจอตัวนายบอยและภรรยา มีเพียงผู้หญิง 1 คน เดินเข้ามาแสดงตัวกับตำรวจโดยอ้างว่าเป็นคนดูแลบ้าน แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นน้องสาวของนายบอย

ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวพบว่า เป็นบ้านรั้วขนาดใหญ่ แบ่งโซนทำเป็นธุรกิจกับโซนที่พักอาศัย ซึ่งสังเกตว่าจะมีการประกอบธุรกิจ อาทิ เรือข้ามฟาก สปีดโบ๊ต จำหน่ายรถมอเตอร์ไซต์ พระเครื่อง เลี้ยงไก่ชนขาย และยังทำธุรกิจขายต้นไม้ใหญ่พร้อมปลูก

จากการตรวจค้นบ้านพบเงินสด 300,000 บาท บรรจุอยู่ในกล่องใส จึงได้มีการนับจำนวน พร้อมทั้งตรวจสอบที่มาของเงินจำนวนดังกล่าว โดยน้องสาวของนายบอย ยืนยันว่า เงินในกล่องใสเป็นเงินที่ได้จากการทำธุรกิจเรือ เพราะมีหัวบิลเงินสด มีตั๋วเรือยืนยัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบและบันทึกภาพเป็นหลักฐาน แต่จากการตรวจค้นภายในห้องนอน พบว่ามีทรัพย์สินเพียงแหวนทอง 2 วง แฟลชไดรฟ์ และซิมมือถือ จึงได้ตรวจยึดเพื่อนำไปตรวจสอบ เกี่ยวกับความเชื่อมโยงในคดี และทราบรายงานว่าตัวของนายบอยอาจมีส่วนกับการทำธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ จึงต้องนำ แฟลชไดรฟ์ไปตรวจสอบเพิ่ม

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ปล่อยให้เงียบไม่ได้ เนื่องจากเงินที่เรียกรับจำนวนสูงถึง 140 ล้านบาท ซึ่งต้องสอบสวนให้ชัดว่า การเรียกรับจริงหรือไม่ และถ้าจริงต้องถามว่า "เป้รักผู้การฯ มากี่ครั้งแล้ว" และ "มีคนอื่นที่รักผู้การฯ ด้วยหรือไม่" รวมทั้ง "ผู้การฯ คือรักสุดท้ายของเป้หรือไม่" หรือ "ผู้การฯ ไปรักคนอื่นต่อหรือเปล่า"

นายวิโรจน์ ยังระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากระบบตั๋ว ระบบวิ่งเต้น เพราะตำรวจในระดับผู้การบางคน เข้ามาด้วยระบบซื้อขายตำแหน่งก็มีต้นทุน ซึ่งเมื่อมาเข้ารับตำแหน่งแทนที่จะมาเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข วางแผนปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ แต่กลับมาซ่องสุม ไม่ต่างจากอั้งยี่ ซ่องโจร สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน จึงเสนอให้มีการสอบสวนขยายผลว่า พัวพันกับมาเฟียในท้องถิ่น และมาเฟียกลุ่มจีนสีเทา รวมทั้งมาเฟียต่างชาติหรือไม่ เนื่องจากเว็บพนัน การค้ามนุษย์ และยาเสพติดนั้นพัวพันกับขบวนการมาเฟียต่างชาติ เพื่อทลายการคอร์รัปชัน

ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่าเป็นยุทธการแซะเก้าอี้ ผบ.ตร.คนต่อไป โดยโพสต์ข้อความว่า

"รักเท่าไหร่ก็เขียนมา รักมาก ก็แค้นมาก เรื่องส่วยๆ ในวงการตำรวจ การดูแล น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า หรือจะเรียกว่า “ค่าเคลียร์” หากไม่เคลียร์ก็โดนจับ หรือจับไปแล้วก็เคลียร์ได้ ถ้าไม่หนักหนาสาหัส จะปราบให้หมดก็ยาก เพราะเคลียร์หลักล้าน หลักสิบล้าน หรือรักมากขนาดเคลียร์ “ร้อยล้าน” อย่างที่ชลบุรี จนรักไม่ไหวต้องเปลี่ยนจาก “ผู้ต้องหา” เป็น “ผู้เสียหาย” หากเอาแค่รักพอควรก็พอไปไหว แต่นี่จะบังคับให้รัก เอาทั้งรักสั้น รักยาว รักเยอะๆ ต้องจ่ายค่ารักรายเดือนอีก
ส่วนเรื่องเป็น “หน้าเสื่อ” ใช้ในการประสานงานตัดตอนมีอยู่มาก ถูกหลอกก็มี ถูกอ้างก็มี เอาจริงก็มี ถือว่าได้ส่วนแบ่งค่าหิ้วเป็นธรรมเนียม ทำกันเป็นปกติเรียกว่า “ตัวคัทเอาท์”
กรณีนี้ “บอย” ต้องหายตัวไปก่อน คงจับไม่ได้ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติครั้งนี้คือ “ยุทธการแซะเก้าอี้ ผบ.ตร.คนต่อไป” วงการตำรวจปิดกันไม่มิด
และวลี “เป้รักผู้การเท่าไหร่ เป้เขียนมา” อยากรู้ว่าวลีแบบนี้หลุดมาได้ไง? จำได้ทุกคำ ยอดเยี่ยมเด็ดจริง แล้วยังมีคำพูดของบอย “มึงอยู่เฉยๆ เนียนกริ๊บ พี่เคลียร์ให้จบแล้ว มึงจ่ายที่ไอ้ต้นเลย” ไอ้บอยก็ไม่อยู่ จับไม่ได้ แต่คำพูดเหมือนยืนยันกันมา
ผู้การฯ แค่หมากบนกระดานอำนาจศึกวงการสีกากีนี่เอง ศึกนี้แรงจริง ใครไม่เกี่ยว โปรดอย่ายุ่ง"

จับผู้การฯ เลื่อยเก้าอี้ ผบ.ตร.คนใหม่?