ชวนฉงน! เปิดตัวละครลับขน 140 ล้านใหญ่กว่าบิ๊ก ตร. ชิ่งไวเผ่นสิงคโปร์
วันที่ 19 มิ.ย. 2566 ความคืบหน้าคดีแก๊งตำรวจรีดเงิน 140 ล้านจากกลุ่มผู้ต้องหาในคดีเว็บการพนัน ล่าสุดมีการเปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 18.50 น. โดยคลิปแรกปรากฏภาพตำรวจนำของกลางที่ตรวจยึดจากบ้านของ “นายเป้” ย่านคลองสามวา กรุงเทพมหานคร เข้ามาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
จากนั้นคลิปที่ 2 ปรากฏภาพนายพิสิษฐ์ หรือ “ต้น” สวมเสื้อสีน้ำเงิน หนึ่งในผู้ร่วมกระทำความผิด พร้อมตำรวจเดินตามเข้ามาขึ้นบันไดไป ก่อนปรากฏภาพวงจรปิดคลิปที่ 3 เห็นตำรวจเดินขึ้นไปชั้น 2 ของอาคารในเวลา 18.51 น. เดินตรงไปบริเวณหน้าห้องของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
และภาพสุดท้ายไม่ปรากฏเวลา เป็นภาพนิ่ง เห็น “นายเป้” สวมเสื้อสีขาว เดินออกไปจากกองบังคับการตำรวจจราจรจังหวัดชลบุรี พร้อมกับตำรวจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งตามสำนวนระบุว่า “นายเป้” ออกมาจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีในช่วงเวลา 23.00 น. ก่อนออกไปที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวถูกระบุในบันทึกการแจ้งความของ “นายเป้” ว่าเป็นเวลาเดียวกันที่ถูกเรียกเงิน 140 ล้านบาท และเป็นช่วงที่เกิดวลีเด็ด “เป้รักผู้การฯ เท่าไหร่ เป้เขียนมา”
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ล่าสุด นายบอยหลบหนีอยู่ต่างประเทศคาดว่าเป็นสิงคโปร์ กับนางสาวลัดดาวัลย์ ภรรยา แม้จะมีการติดต่อประสานเข้ามอบตัวกับชุดทำงานของตน แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเข้ามอบตัวหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะมาหรือไม่ ตำรวจก็ดำเนินการขออนุมัติหมายแดง และจะประสานไปยังประเทศปลายทางเพื่อจับกุมตัวนายบอยและภรรยา
โดยคดีนี้มีตำรวจรองสารวัตรและนายตำรวจชั้นประทวนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีก 2 นาย นอกเหนือจาก 8 รายชื่อ ที่ปรากฏออกมารอบแรก รวมเป็น 10 นาย และมีพลเรือนอีก 3 คน
ส่วนพันตำรวจเอกณรงค์ฤทธิ์ วาพันสุ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ซึ่งในครั้งแร มีรายชื่ออยู่ในผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่ล่าสุดวันนี้พบว่าไม่มีอยู่ในรายชื่อ ซึ่งพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ระบุว่า ความผิดยังไม่ชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวมพยานหลักฐาน ถ้าหากพบว่ามีส่วนกระทำความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มในภายหลัง
วันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปยังบ้านนายธนินวัฒน์ หรือเป้ ปรากฏว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยแจ้งกับทีมข่าวว่าไม่อนุญาตให้เข้าไปภายในหมู่บ้าน เนื่องจากเจ้าของบ้านคือนายเป้ และญาติได้ประสานห้ามไม่ให้นักข่าวเข้าไปภายใน ต้องการความเป็นส่วนตัว และต้องการให้ข้อมูลกับชุดคณะทำงานเท่านั้น ไม่ต้องการให้สื่อเข้ามาติดตาม
ขณะเดียวกัน ที่บ้านของนายกัน ในจังหวัดนนทบุรี ก็มีความเป็นส่วนตัวรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ไม่เปิดให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปดูทางด้านในของหมู่บ้านได้ โดยหมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านของนายกัน และนายต๊อบ ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า “ลูกบ้านไม่สะดวกให้เข้าไป”
ส่วนรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีส้ม ไม่สวมแผ่นป้ายทะเบียน ที่ใช้ในการขนย้ายเงินสด และจอดอยู่ท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ปัจจุบันก็ยังจอดอยู่ที่เดิมไม่ได้มีเคลื่อนย้ายไปเก็บไว้เป็นหลักฐานแต่อย่างใด โดยชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้ลานจอดรถแห่งนี้ บอกว่า รถสีส้มคันนี้มาจอดก่อนหน้าวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยเธอไม่ได้สังเกตว่าเป็นรถยนต์ของใคร และไม่มีใครมาเคลื่อนย้ายเลย จอดแน่นิ่งอยู่กับที่เป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว จนกระทั่งปรากฏเป็นข่าวจึงได้รู้ว่าเป็นรถยนต์ต้องสงสัยที่ใช้ขนเงินสด
นอกจากนี้ ยังมีรถโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ซึ่งคาดว่าเป็นรถที่นำตัวนายเป้ไปพบผู้การฯ ชลบุรี ปรากฏว่า ตำรวจไปเจอจอดทิ้งไว้ที่ร้านแห่งหนึ่งใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งตำรวจได้ตรวจยึดมาตรวจหาหลักฐานรอยนิ้วมือและดีเอ็นเอว่าเชื่อมโยงกับยนายบอยหรือไม่
ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวถึงคดีนี้ว่า วันนี้ประเทศไทยค่อนข้างประหลาด จากตำรวจเป็นโจร โจรเป็นตำรวจ ตามปกติแล้วไม่มีโจรที่ไหนอยากไปมีเรื่องกับตำรวจ แต่เหตุการณ์นี้คงจะมากเกินไป มีความรักมากเกินไปและแค้นมากจน ทำให้โจรต้องมาแจ้งจับตำรวจ เหมือนสมัยที่ตนช่วงที่ทำกิจการอาบอบนวด และออกมาเปิดเผยตำรวจที่เรียกรับเงิน ก็เพราะว่าตัวเลขที่เรียกมามากเกินไปจนทำให้ตนออกมาแฉ ส่วนกรณีของเป้ อาจจะแตกต่างตรงที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากถูกรีดเงินจำนวนมากและต่อเนื่องเป็นเวลานานจนไม่มีทางออก และตัดสินใจออกมาเปิดโปง
สำหรับตัวละครสำคัญอยู่ที่คนชื่อบอย ซึ่งเป็นผู้เจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ต้องหา มีความเกี่ยวโยงตั้งแต่สมัยของหลงจู๊สมชาย เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมาก คิดว่าถ้ามีการมอบตัวน่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจสีเทาของฝั่งตะวันออก เพราะนายบอยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน ทำให้บอยมีบทบาทในการรีดเงินต่างๆ และมีความเป็นไปได้ว่า นายบอยน่าจะมีเส้นสายมากกว่านายต้น ซึ่งเป็นสองคนที่เกี่ยวกับการรีดทรัพย์
ชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ที่บอกว่าให้จับตาดูให้ดีเพราะตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังไม่ลงตัว ในส่วนของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ถือว่าเป็นหมากตัวหนึ่ง หากจะกระทำการเองก็คงจะทำไม่ได้ เพราะความรู้ความสามารถอาจจะไม่พอ เรื่องนี้นายชูวิทย์คิดว่ามีคนที่ใหญ่กว่านั้นรู้เรื่องมากกว่า